เพื่อไทยยื่น ป.ป.ช.เล่นงาน อภิสิทธิ์-โสภณกรณีงาช้าง

เพื่อไทยยื่นเรื่องให้ "ป.ป.ช." ตรวจสอบกรณี "อภิสิทธิ์" รับมอบงาช้างจาก "โสภณ" อ้างทำผิดรัฐธรรมนูญ แถมยังผิดพ.ร.บ.เกี่ยวกับสัตว์ป่า "เทพไท" ออกโรงป้อง ชี้ต้องดูเจตนาเป็นสำคัญ

 
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ ถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

รับมอบงาช้าง 1 คู่จากนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อครั้งลงพื้นที่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ว่า เวลา 13.00 น. ตนพร้อมด้วยนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย เดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์และนายโสภณ เนื่องจากมีความผิดตามมาตรา 103 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรณีที่นายอภิสิทธิ์รับมอบงาช้าง 1 คู่จากนายโสภณ ซึ่งมีมูลค่าเกิน 3,000 บาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการรับงาช้างจากนายโสภณครั้งนี้ไม่ทราบว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอะไรกันหรือไม่


นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ การที่นายโสภณมีงาช้าง ถือเป็นสัตว์ป่าสงวนและซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองนั้น ยังผิดมาตรา 19 ของพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 47 มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย ทั้งนี้ ความผิดทั้งหมดถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ว่านายอภิสิทธิ์จะรู้ตัวและนำงาช้างไปคืนนายโสภณในภายหลังก็ตาม 
 
วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อนายพร้อมพงษ์ยื่นเรื่องไปแล้ว ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการพิจารณาของ ป.ป.ช. เพราะพรรคเคารพการวินิจฉัยของ ป.ป.ช.

"ถ้าราคาของงาช้างเกิน 3 พันบาท ส่งคืนนายโสภณ เพราะเราไม่สามารถประเมินราคาได้ว่าเท่าใดในช่วงที่รับมา และเป็นการฉุกละหุกในขณะที่รับ ซึ่งเป็นพิธีการรับและคนก็เยอะแยะไปหมด ทุกอย่างก็รับมาก่อนและไปประเมินค่า เมื่อตรวจสอบพบว่ามีมูลค่าที่สูงเกิน 3 พันบาท ก็จัดส่งคืนเจ้าของ และไม่ได้มีกรณีงาช้างเรื่องเดียวมีตั้งหลายเรื่องที่เราประเมินค่าไม่ได้ ในขณะที่รับ กรณีเช่นนี้ความผิดจะสำเร็จต่อเมื่อรับไว้ และนำไปใช้งาน หรือถือเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองเอาไปที่บ้านแล้ว" นายเทพไท กล่าว

นายเทพไท กล่าวต่อว่า จะต้องดูเจตนาเป็นสำคัญ ทั้งนี้องค์กรใดจะตรวจสอบก็เป็นสิทธิ์ เพราะเป็นไปตามกระบวนการของกฏหมาย ซึ่งเชื่อว่าป.ป.ช.จะมีบรรทัดฐานในการตรวจสอบและปฏิบัติที่ชัดเจนตามกฏหมาย


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์