วัคซีนสัญญาณพิเศษ ปชป.หวังรอดไข้หุ้น

60.15 เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนที่ "เห็นด้วย" กับกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติชี้ความผิด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขาดคุณสมบัติในการเป็น ส.ส. เนื่องจากการถือครองหุ้นสื่อและหุ้นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ

รวมทั้ง 61.21 เปอร์เซ็นต์ ยังเชื่อว่ากรณีดังกล่าวส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลลดลง โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ทำให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสของนักการเมือง และรัฐบาลขาดการตรวจสอบดูแลสมาชิกในพรรค

เป็นสัญญาณบ่งบอกถึง "ลางร้าย" ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์กำลังประสบ ภายหลัง กกต. ชี้ขาด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 13 คน จาก 28 คน "ขาดคุณสมบัติ" เนื่องจากโดน "พิษหุ้นมรณะ" เล่นงาน เพราะเป็นการกลบภาพ "คุณชายสะอาด" ของ "รัฐบาลประชาธิปัตย์" ที่สั่งสมมานานนับ 60 ปี

ซึ่งแม้ว่ากรณีนี้จะไม่ร้ายแรงเท่าการทุจริตและคอร์รัปชั่นเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ เสียงประชาชนร้อยละ 60 ก็ทำให้เชื่อได้ว่านับวันจะยิ่ง "หมดศรัทธา" กับ "รัฐบาลเทพ ประทาน"

ดังนั้น ก้าวย่างต่อไปของ "รัฐบาล" คงไม่พ้นที่จะต้อง "กู้หน้า" ไปพร้อมๆ กับการใช้หนี้ 8 แสนล้านบาทที่เพิ่งกู้มา รวมทั้ง "ปลดล็อค" รัฐธรรมนูญ 2550 ในมาตราต่างๆ ที่กำลังเป็นหอกข้างแคร่คอยทิ่มแทงกันเอง


แน่นอนแล้วว่าทั้ง 12 ส.ส.เลือกที่จะพยักหน้ารับ "ครับผม" ทำตามคำสั่งของ "หัวหน้ามาร์ค" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่ "บ้าจี้" ไขก๊อกตามก้น สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่ลาออกจากการเป็น ส.ส.สุราษฎร์ธานี เพื่อเปิดทางให้น้องชาย ธานี เทือกสุบรรณ อดีตนายกเล็กได้เข้าสู่สภาใหญ่เสียที

ซึ่งแสดงว่าการ "แก้เกมกู้หน้า" งวดนี้ "ประชาธิปัตย์" เลือกที่จะบากหน้าอยู่ต่อไป โดยไม่ลาออก ไม่ยุบสภา เพื่อใช้งบฯ 8 แสนล้านบาท ฟื้นฟูวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศและสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ช่วยเพิ่ม "คะแนนเสียง" ให้พรรครัฐบาล

และที่ว่า "ทางออก" งวดนี้จะไม่มีคำว่า "ยุบสภา" เนื่องมาจากภารกิจ "แก้ไขรัฐธรรมนูญ" เพื่อปูพรมไปสู่การเลือกตั้ง ก็ยังอยู่ในขั้น "ตั้งไข่" ยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน ดังนั้น ถ้า "ยุบสภา" ไปตอนนี้ สถานการณ์ก็ยังคงวนเวียนในอ่างใบเดิม

รวมทั้ง สัปดาห์ที่ผ่านมากระแสข่าวเรื่อง "สัญญาณพิเศษ" ว่า "16 ส.ว." จะโล่งอกจาก "หุ้นมรณะ" เข้าตำรา "บกพร่องโดยสุจริต"

ดังนั้น สภาวการณ์ที่ตกเป็นรองทางสังคมเช่นนี้ "ทางออก" ที่ดีที่สุดที่พอจะช่วย "รักษาหน้า" ของ "พรรคประชาธิปัตย์" ให้เข้าที่เข้าทางนั่นคือการไม่ลาออก ไม่ยุบสภาตามแรงกดดันของสังคม

แต่ทว่าก่อนหน้าที่จะเกิดคำวินิจฉัยกรณีถือหุ้นของ 28 ส.ส.ประชาธิปัตย์ "แกนนำพรรค" และ "ทีมกฎหมาย" ได้สุมหัวเพื่อประเมินผลการวินิจฉัยของ "4 เสือ กกต." ที่เอาผิด 16 ส.ว.จากกรณีเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า

"กกต.กำลังมัดตัวเอง ถือเป็นความผิดพลาดของ กกต.ที่วินิจฉัยให้ 16 ส.ว.ขาดคุณสมบัติ เพราะถ้าที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสวนทางกับมติ กกต. ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็จะเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือของ กกต.เอง"

ซึ่งการวิเคราะห์เช่นนี้ เสมือนว่าทั้ง "แกนนำพรรค" และ "คณะทำงานด้านกฎหมาย" ล่วงรู้คำวินิจฉัยของ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ล่วงหน้าหรือไม่ เพราะสอดรับกับคำกล่าวของ "รองนายกฯสุเทพ" ที่ประกาศหาความรับผิดชอบจาก กกต. หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่เอาผิด

ซึ่งถ้าพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ก็ถือว่ามีโอกาสสูงที่ "ศาลรัฐธรรมนูญ" จะวินิจฉัยไปตามคำกล่าวนั้น ...

เพราะถ้าเทียบเคียงกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการถือหุ้นของ "10 รัฐมนตรี" พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2544 พบว่า ทั้งหมดรอดพ้นการสิ้นสภาพ เพราะเพดานการถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 5 จึงไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และไม่ส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

แต่ต้องไม่ลืมว่า กรณีที่ "ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์" ยกมาเทียบเคียงกับกรณีการถือหุ้นของ "13 ส.ส.ปชป." การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และแม้ว่าจะมีความใกล้เคียงกับรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่เมื่อการวินิจฉัยงวดนี้ กระทำเป็นรายบุคคล จึงมีความเป็นไปได้ที่ศาลจะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น

ในส่วนของ 18 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และ 26 ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่จะมีการพิจารณาของ กกต.ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ผลวินิจฉัยอาจไปในทิศทางที่ไม่ต่างไปจากกรณีของ "16 ส.ว." และ "13 ส.ส.ปชป."

ซึ่งกรณีนี้ไม่ทำให้เสถียรภาพของ "รัฐบาล" มีปัญหา เพราะเมื่อพิจารณาตัวเลข ส.ส.ทั้ง 2 ฟาก จะพบว่ามีส่วนต่างมากถึง 76 คน (รัฐบาลมี ส.ส. 276 คน ส่วนฝ่ายค้านมี ส.ส. 200 คน) ซึ่งแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลง แต่ก็ยังไม่กระทบ เพราะสามารถทำการเลือกตั้งเข้ามาใหม่ได้ภายใน 45 วัน

ดังนั้น ปฏิบัติการ "แก้เกม" ของรัฐบาล ในขั้นตอนต่อไป คง "นิ่งเฉย" รอดูผลการวินิจฉัยของ "ศาลรัฐธรรมนูญ" กรณี 16 ส.ว.เสียก่อน เพื่อรอดูบรรทัดฐานของศาล ก่อนที่จะดำเนินการให้ "ทีมกฎหมาย" เขียนคำชี้แจงเพื่อแก้ข้อกล่าวหาต่อไป โดยหลังจากนี้จะไม่มีการลาออกของ ส.ส.ฟากรัฐบาลอย่างแน่นอน

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์