อภิสิทธิ์ท้าแข่งทำงานแล้วให้ปชช.ตัดสิน

คมชัดลึก : "อภิสิทธิ์" ชี้ รมต.ลงพื้นที่เพราะต้องการไปทำงาน ไม่ใช่ต้องการไปสร้างความขัดแย้ง วอนชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย ยันต้องการลงพื้นที่ทุกภาคเตรียมลงพื้นที่ จ.สงขลา คราวต่อไป ยัน "ทักษิณ" โฟนอินถี่ ไม่กระทบการทำงานของรัฐบาล พร้อมขอความร่วมมือ กทช.ติดตามวิทยุชุมชนอย่างใกล้ชิด

ที่รัฐสภา วันที่ 19 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสงวน พงษ์มณี ส.ส. ลำพูน พรรคเพื่อไทย

ออกมาปลุกระดมให้กลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะเปิดสงครามประชาชนรอบใหม่ว่า ไม่มี รัฐบาลไม่เคยเปิดสงครามกับใคร ซึ่งเขาขอทำความเข้าใจกับ ส.ส.เพื่อไทยด้วยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลและครม. เป็นไปตามปกติ การลงพื้นที่ไม่มีลักษณะของการยั่วยุ หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่เป็นการลงพื้นที่เพื่อทำงาน จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาปะทะ หรือทำสงครามใด ๆ ทั้งสิ้น


เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ของรัฐมนตรี ถูกกลุ่มเสื้อแดงสร้างเงื่อนไขต่อต้าน ยิ่งจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดหรือไม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ย้ำกับประชาชนชัดเจนว่า เป็นการไปทำงานไม่ใช่การไปสร้างความขัดแย้ง รัฐมนตรีทุกคนที่ลงพื้นที่ก็ย้ำเรื่องการไปทำงาน ประชาชนส่วนใหญ่ก็ต้องการเห็นรัฐมนตรีไปทำงาน ไปติดตามนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในทุกพื้นที่ ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยแล้วมาต่อต้าน ขอย้ำว่า ขอให้แสดงออกโดยอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย แต่ถ้ามาขัดขวางโดยมีอาวุธคงไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเดินทางลงไปทุกภาค

แต่ยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน ซึ่งมีนัดหมายล่วงหน้าว่า ครั้งหน้าจะเป็น จ.สงขลา นอกจากนี้กำลังดูพื้นที่ภาคอื่น ๆ อาทิ จ. สุโขทัย จ. อุบลราชธานี จ. เชียงใหม่ ที่รอคิวอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การโฟนอินของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปยังที่ชุมชนต่าง ๆ ซึ่งมีบ่อยครั้งในระยะหลัง เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐมนตรีหลายคน ยังเดินหน้าลงพื้นที่ ซึ่งเขาก็ได้ติดตามอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น ภาคเหนือ ภาคอีสาน ทุกภาค ซึ่งยังสามารถทำงานกันได้


เมื่อถามว่า รัฐบาลจะติดตามการเผยแพร่ข้อมูลของวิทยุชุมชนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้

โดยมีการออกหลักเกณฑ์ต่าง ๆ มาในระยะหลังนี้ รัฐบาลจะขอให้ กทช.ติดตามสอดส่องโดยละเอียด
เมื่อถามว่า คิดว่าจะเท่าทันกับสถานการณ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะย้ำเรื่องนี้ไปกับกทช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะต้องระมัดระวัง ถ้าเป็นเรื่องฝ่ายบริหาร เข้าไปจัดการวิทยุชุมชน โดยไปคาบเกี่ยวว่า เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ผิดอีก กลายเป็นว่า ฝ่ายบริหารเข้าไปปิดกั้นสื่อ ซึ่งได้ขอความร่วมมือกทช. และได้ย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หากมีการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน ก็ต้องเป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องความเห็นทางการเมือง


 


ส่วนกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลลดลงนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข่าวลักษณะนี้ไม่ใช่ข่าวที่เป็นบวก ก็ต้องบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาไป

ขณะเดียวกันต้องเร่งเดินหน้าผลักดันผลงานต่าง ๆ ออกมา ซึ่งตอนนี้ก็มีความคืบหน้าเกือบทุกงาน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์บางอย่าง อาทิ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ประชาชนวิตกกังวล จึงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจว่า โรคระบาดต้องบริหารจัดการอย่างไร

นายอภิสิทธิ์  กล่าวในการสัมมนาเรื่อง “ การเสริมสร้าง และเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจในทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แก่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ปกครองท้องที่ ”

รุ่นที่ 20 จาก จ . นนทบุรี ราชบุรี ลำปาง พังงา และปัตตานี ตอนหนึ่ง ว่า ขอพูดถึงความขัดแย้งในสังคม ซึ่ง พ . อ . อภิวัน วิริยะชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งนั่งอยู่ในที่นี้ด้วย โดยปกติก็สนิทสนมและพูดคุยกันอยู่เป็นประจำ ไม่ได้จำเป็นว่าพรรคใหญ่ต้องเห็นตรงกันและจับมือกันตั้งรัฐบาล เรื่องการเห็นไม่ตรงกันถือเป็นปกติของประชาธิปไตยโลก แต่ขอให้แสดงความคิดเห็นออกมาอย่างเหมาะสม เมื่อมาเป็นรัฐบาลตนไม่เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนเห็นตรงกับผู้นำได้ ไม่มีทางที่ผู้นำหนึ่งคนจะได้รับการสนับสนุนและความรักจากทุกคน แต่ตนได้ยืนยันตั้งแต่ต้นว่าจะทำงานให้ทุกคน ด้วยความเสมอภาคไม่ว่าจะอยู่ภาคไหน หรือเลือกพรรคไหน ตนไม่เอามาเป็นสาระ หากเห็นว่ารัฐบาลทำไม่ถูก จะชุมนุมจะออกวิทยุด่า 24 ชั่วโมงก็ได้ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรงหรือพกอาวุธ ถ้าทำแบบนี้ได้ ไม่มีปัญหา


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์เรื่องการลงพื้นที่ของตน ขอย้ำว่าเรื่องการลงพื้นที่เพื่อให้งานต่างๆ เดินเร็วขึ้น

ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยอยากแสดงออก อยากโฆษณาให้ประชาชนเชื่อ ก็สามารถทำได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องห้ามคนนั้นคนนี้ไม่ให้เข้าพื้นที่ และไม่มีเหตุผลอย่างยิ่งที่จะใช้ความรุนแรง เพราะเท่ากับเป็นการทำลายโอกาสคนในพื้นที่ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ก่อให้เกิดผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นขอให้ผู้นำชุมชนไปทำความเข้าใจกับประชาชน บอกไปเลยไม่ได้เรียกร้องให้มารักมาชอบตน เป็นสิทธิที่จะแสดงออกได้ ถ้าความเห็นไม่ตรงกันก็ให้มาแข่งขันกันทำงาน แล้วให้ประชาชนตัดสิน


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการกระจายอำนาจสู้ท้องถิ่นว่า ขอบคุณเสียงสะท้อนในเรื่องความเห็นเกี่ยวกับการกระจายอำนาจและการกระจายงบประมาณลงไปสู่ท้องถิ่นที่ไม่เป็นธรรม

ซึ่งตนก็ขอรับไว้เป็นข้อสังเกต โดยเฉพาะเรื่องการกระจายอำนาจที่มีเสียงท้วงติงมามากกว่าท้องถิ่นที่พร้อมก็จะได้รับมาก แต่ท้องถิ่นที่ไม่พร้อมจะได้น้อย ซึ่งตนให้ความสำคัญกับเรื่องท้องถิ่นมาก เพราะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการกระจายอำนาจด้วยตัวเอง ก็จะทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุดและให้ความสำคัญ โดยยืนยันว่าทุกพื้นที่เรื่องโครงสร้างพื้นฐานมีความจำเป็นทั้งนั้น ซึ่งล่าสุดตนได้คุยกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ถึงแม้งบประมาณในปี 53 จะถูกปรับลดลงไปมาก แต่ก็จะจัดหาจากส่วนอื่นเพิ่มเติมมาชดเชยเพื่อจัดงบลงสู่ท้องถิ่นประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท ให้เป็นไปตามโครงการไทยเข้มแข็ง
 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์