"บิ๊กบัง"เร่ง"มาร์ค" แก้ปมนักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไปจนลืมชาติ บ้านเมือง สังคม แจงลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนเร็วสุด เสนอรบ.ประกาศแก้ปัญหาทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ สงสัยนโยบายตปท.ทะเลาะเพื่อนบ้านไปทั่ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "คิดเพื่ออนาคต ถอดโจทย์ประเทศไทย" ในงานที่จัดขึ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 32 ปี อสมท เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม ที่โรงแรมเรดิสัน ว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ตั้งโจทย์ แต่จะไม่พูดถึงโจทย์ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า เพราะมีหลายเวทีแล้วที่พูดทั้งเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ การเมืองไปแล้ว
วันนี้โจทย์ที่จะตั้งนั้นยาวออกไป รัฐบาลจะใช้แนวทางการแก้ปัญหา เพื่อปูทางตอบโจทย์ประเทศในระยะยาว จะไม่ทำเพียงให้ผ่านพ้นปัญหาระยะสั้นปัญหาใดปัญหาหนึ่งไปแล้วเกิดปัญหาอื่นในอนาคต จึงขอตั้งโจทย์ 5 ข้อ คือ 1.ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์ยังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว และรุนแรงต่อเนื่อง ดังนั้น การหาคำตอบสำหรับประเทศไทย ไม่สามารถละเลยสิ่งที่เกิดเป็นกระแส หรือปัญหาในสังคมโลกได้ เช่น เศรษฐกิจ ไม่มีประเทศไหนวางแผนของตัวเอง โดยไม่สน เศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร หรือแม้แต่มีไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เกิดขึ้น ดังนั้นการแก้ปัญหา มีปัจจัยระหว่างประเทศเป็นตัวกำหนดโจทย์ให้โดยปริยาย ไทยไม่สามารถฝืนสิ่งเหล่านี้ได้
2.เรื่องอนาคตที่มองไปไกลมากสุด คือ ความอยู่รอดของมนุษย์จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ปัญหาโลกร้อน อากาศแปรปรวน ที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติมากขึ้น ส่งผลอย่างรุนแรงต่อประชากรทั่วโลก ไม่เกิน 2-3 ปี ปัญหาวิกฤตราคาอาหารและพลังงาน จะย้อนมาสู่โลก และไทยอีกครั้ง เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเกิดวิกฤตการเงิน มักจะเกิดวิกฤตอาหารมาก่อน 3.สภาพต่อไปจะมีการเปลี่ยนเป็นสังคมเมืองมากขึ้น แม้เป็นเรื่องปกติของการเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม แต่ต้องคิดถึงผลกระทบทางสังคมด้วย วันนี้ลูกหลานเกษตร มีกี่คนที่คิดวางแผนเต็มใจเป็นเกษตรกรต่อไป ถือว่าเป็นสัดส่วนน้อยมาก สังคมเมืองเติบโตมาพร้อมกับปัญหา ที่กระทบโครงสร้างสถาบันครอบครัวอย่างรุนแรง 4.การพัฒนาประเทศชาติ และสังคม ทำให้เกิดการเพิ่มความคาดหวังของประชาชน โดยเฉพาะการเรียกร้องสิทธิ จะเห็นการตื่นตัวการเรียกร้องสิทธิของคนมากขึ้น ทั้งเรื่องเสรีภาพ การไม่ต้องการให้ภาครัฐเข้าแทรกแซง ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน แต่จะบวกเข้าไปถึงสิทธิในการที่จะได้รับการบริการพื้นฐานจากรัฐมากขึ้นด้วย และ 5.ความคาดหวังที่คนไทยทุกคนที่จะได้รับสวัสดิการ
"ถามว่า รัฐบาลเดินหน้าตอบโจทย์ 5 ข้อนี้อย่างไร โจทย์ข้อเรื่องกระแสโลกาภิวัตน์ ผมใช้เวลาเดินทางไปต่างประเทศพอสมควร เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น เข้าใจสภาพความเป็นมาของประเทศเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ภาพลักษณ์ของไทยได้รับผลกระทบรุนแรง ส่วนผลกระทบแวดล้อม โครงการไทยเข้มแข็ง หลายคนมองว่า เป็นการใช้จ่ายเงิน กู้เงิน แต่ความจริงรัฐบาลทำโครงการนี้ เพื่อเป็นการยกเครื่องประเทศไทย โดยใช้เงินฝาก ซึ่งเห็นแล้วจากการขายพันธบัตรที่ผ่านมา เพราะคนเอาเงินแช่ไว้เฉยๆ เราก็เอาเงินตรงนี้มากระตุ้น นอกจากนี้เรื่องแหล่งน้ำ เราต้องเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้ได้ รายได้เกษตรกรจะได้เพิ่มขึ้น การลงทุนแหล่งน้ำ สะสางหนี้สิน ที่ทำกินเกษตรกร เป็นหัวใจสำคัญ เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่สามารถผลิตอาหารเพื่อส่งออกได้พร้อมกับผลิตพลังงานทดแทนด้วย" นายกฯกล่าว
นายกฯกล่าวว่า สำหรับความคาดหวังในสิทธิ สวัสดิการ กำลังจะมีความชัดเจนตามลำดับ ทั้งเรื่องเรียนฟรี รักษาฟรี และนอกจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแล้ว จะเร่งรัดเบี้ยยังชีพผู้พิการ ที่ขณะนี้มี 3 แสนกว่าคนยังไม่ได้รับ ระบบที่จะเร่งทำต่อไป คือ การออม ต่อไปผู้สูงอายุ จะมีเงินออม เร็วๆ นี้คงสามารถเสนอเป็นรูปแบบกฎหมายได้ เรื่องภาษี การไปขยับเรื่องภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่มคงลำบาก ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรม ภาษีที่ดินและทรัพย์สิน เป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และจะเดินหน้า มีการเสนอให้เก็บในอัตราก้าวหน้า แล้วกันเงินส่วนหนึ่งมาแก้ปัญหา เป็นกองทุนที่ดินทำกินให้เกษตรกร เพื่อการกระจายการถือครองที่ดิน แต่จะไม่ทำให้การจัดเก็บมีอัตราสูง จนกระทบขีดสามารถการแข่งขัน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องสิทธิให้แนวทางชัดเจนว่า รัฐบาลนี้ให้ความเคารพสิทธิเสรีภาพคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะคนที่เห็นต่างกับรัฐบาล ให้แสดงความคิดเห็นได้ แต่สิ่งที่มีส่วนสำคัญมากในวันนี้ คือ การใช้สิทธิ หรือการอ้างการใช้สิทธิ โดยเฉพาะความเป็นประชาธิปไตยนั้นต้องยึดหลักสำคัญ คือ 1.ต้องเคารพกฎหมาย ที่ต้องตัดวงจรให้ได้ คือ ต้องไม่ให้เกิดเรื่องของการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าโดยฝ่ายไหนก็ตาม ในภาครัฐตนแสดงออกชัดเจนจากการดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายที่ใช้ความรุนแรงโดยภาครัฐในอดีต ทั้งเรื่องภาคใต้ การแก้ปัญหายาเสพติด โดยยังรักษาความมั่นคง และเดินหน้าเรื่องปราบยาเสพติดได้ โดยไม่ทำให้ภาครัฐ ถูกมองว่าใช้ความรุนแรง
ในทางกลับกัน ถ้าประชาชนจะเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ต้องเคารพกฎหมาย และไม่ใช้ความรุนแรง เห็นได้ว่าเวลามีการชุมนุมโดยสงบ รัฐบาลนี้เคารพ แต่ถ้าลุกลามไปใช้ความรุนแรง ต้องรักษากฎหมาย การรักษากฎหมายและทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากทำไม่ได้ คงไม่สามารถไปตอบโจทย์อื่นได้ สังคมจะไม่เป็นสังคม บ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้ ขอให้ทุกคนช่วยกันตอบโจทย์ในการสร้างทัศนคติค่านิยมที่ถูกต้องด้วยว่าตรงนี้จำเป็นต่อการสร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เพราะเป็นสังคมที่มีกติกา รวมทั้งการยอมรับผิดตามกฎกติกาในสิ่งที่ตัวเองทำด้วย ไม่เช่นนั้นคนบางกลุ่ม จะอยู่เหนือกฎหมาย บ้านเมืองจะไม่สงบสุข ความปรองดองสมานฉันท์จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่เคารพตรงนี้ สังคมที่จะเดินหน้าก้าวหน้าได้ ต้องเป็นสังคมที่สุจริต ยึดมั่นคุณธรรมจริยธรรม คุณธรรมจริยธรรมพื้นฐาน ถูกท้าทายมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะค่านิยมที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งยังเป็นปัญหาใหญ่มากในสังคมเรา ถ้าไม่ต่อสู้ ปล่อยให้ค่านิยมนี้อยู่ต่อ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่บอกว่าการทุจริตนอกจากหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ยังต้องอยู่ร่วมกันเพื่อความก้าวหน้า
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ "ว.วชิรเมธี" นักเทศน์ชื่อดัง ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องมาช่วยกันแก้คือ 1.การที่สังคมไทยเอาเงินเป็นตัวตั้ง ทุกคนอยากรวยโดยไม่ถามว่าที่รวยมีความสง่างามหรือไม่ จนเกิดค่านิยมทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าถอดค่านิยมเอาเงินเป็นตัวตั้งออกไปไม่ได้ สังคมไทยจะไม่หลุดพ้นวงจรความเสื่อม 2.สังคมไทยใช้ความเชื่ออยู่เหนือความจริง ยกตัวอย่างพอจะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาก็มีคนออกมาทำนาย จะเกิดการสูญเสียระดับชาติ ทำให้นายกฯใจคอไม่ดี สิ่งนี้เป็นเหตุให้คนไทยชอบใช้การสะเดาะเคราะห์แทนการคิดหาวิธีแก้ปัญหา 3.สังคมไทยชอบประชานิยมมากกว่าประชาธิปไตย ภาครัฐชอบตามใจประชาชน ทำให้ประชาธิปไตยอ่อนแอมาก และ 4.สังคมไทยมีวัฒนธรรมน้ำใจเข้มแข็ง แต่สังคมฝรั่ง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นสังคมที่กฎหมายเข้มแข็ง หากสามารถทำให้กฎหมายใช้ได้ในชีวิตจริง เมื่อนั้นนายกฯก็จะเหนื่อยน้อยลง ทุกวันนี้สังคมไทยถูกขีดว่า โซนนี้ของสีนั้นโซนนี้ของสีนี้ แล้วจะอยู่บนประเทศไทยแบบนี้ได้หรือ
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า ที่เงียบๆ ไม่ได้หายไปไหนและไม่ได้กลัว แต่หลักปรัชญาเขียนไว้ว่า ใครก็ตามที่ทำปฏิรูปไปแล้ว คนมักจะไม่กล้าเข้ามาหา ก็เลยทำตัวให้สงบๆ ไว้ วันนี้บ้านเมืองขาดคนกล้า อยากเห็นคนไทยมีความเก่ง ความกล้า เพื่อทำให้สังคมเปลี่ยน
"อยากฝากให้นายกรัฐมนตรีแก้ปรัชญาที่บอกว่าการเมืองคือการแสวงอำนาจและผลประโยชน์ เพราะมีนักการเมืองนำมาใช้แสวงอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป จนลืมชาติ บ้านเมืองและสังคม จึงอยากให้รัฐบาลประกาศการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ โดยเริ่มตั้งแต่องค์กรท้องถิ่นไปจนถึงองค์กรระดับชาติ" พล.อ.สนธิกล่าว
พล.อ.สนธิกล่าวว่า การลงทุนของนักการเมืองได้กำไรตอบแทนเร็วที่สุด จึงเกิดการคอร์รัปชั่น ดังนั้น ต้องมีมาตรการมาควบคุมลงโทษให้ชัดเจน โดยภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ประเทศจะเปลี่ยนแปลงทันที จะทำให้ไม่มีใครอยากเป็นนักการเมืองเพราะลงทุนแล้วไม่ได้กำไร ประเทศที่พัฒนาแล้วจะแสวงหาประโยชน์ในช่องว่าง ทุกอย่างที่คิดขึ้นมา พรรคการเมืองทุกพรรคไม่เคยพูดเรื่องยุทธศาสตร์ของชาติ นักการเมืองต้องคิดมากขึ้น
"หลายคนมาขอคำแนะนำเรื่องการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บางคนก็มาถามเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ผมก็บอกไปว่า ประเทศไทยขณะนี้ไม่รู้เป็นอะไรถึงทะเลาะกับเพื่อนบ้านไปหมด ทั้งประเทศสิงคโปร์ ลาว กัมพูชา พม่า บางทีก็เลยไปถึงเวียดนาม ผมจึงสงสัยว่านโยบายต่างประเทศของรัฐบาลนี้เป็นอย่างไร ทำไมจึงเกิดลักษณะเช่นนี้ขึ้น แม้แต่ประเทศลาวซึ่งภาษาใกล้เคียงกับเรา ยังเกิดปัญหา เพราะเราไม่จริงใจกับเขา ผู้บริหารของประเทศต้องมองประโยชน์ของประเทศเป็นสิ่งแรก อย่าเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว" พล.อ.สนธิกล่าว
บิ๊กบังซัดนักการเมืองหาผลประโยชน์จนลืมชาติ บ้านเมือง สังคม เสนอรบ.ประกาศปราบโกงเป็นวาระแห่งชาติ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง บิ๊กบังซัดนักการเมืองหาผลประโยชน์จนลืมชาติ บ้านเมือง สังคม เสนอรบ.ประกาศปราบโกงเป็นวาระแห่งชาติ