เมียจ่าปัญญาเผยช่วงเกิดเหตุผัวอยู่ตราด

คมชัดลึก :พฐ.รอลายนิ้วมือ 2 ผู้ต้องหาคดียิง “สนธิ” ตรวจเปรียบเทียบกับรถต้องสงสัย ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร เผย “จ่าปัญญา ” ผู้ต้องหาช่วยราชการอยู่ในพื้นที่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างลาพัก พร้อมสั่งติดตามตัวส่งตำรวจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ด้านเมียเผยช่วงเกิดเหตุผัวอยู่ที่ตราด ก่อนถูกส่งไปปฎิบัติหน้าที่ชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ขาดการติดต่อกับทางบ้านมานานร่วมเดือนแล้ว ไม่เชื่อสามีเป็นคนก่อเหตุ ปกติเป็นคนใจดี รักครอบครัว

(16ก.ค.) พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน (ผบก.พฐ.) กล่าวถึงความคืบหน้ารถยนต์กระบะโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ สีเลือดเปลือกมังคุด 

หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยในคดีคนร้ายลอบสังหารนายสนธิ  ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนนำลายนิ้วมือแฝงที่เก็บได้จากรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ ต้องสงสัยไว้ได้ทั้งหมดจำนวน 10 ลายนิ้วมือส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อเก็บไว้เปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย ขั้นตอนต่อไปจะนำลายนิ้วมือแฝงที่ได้ไปเข้าระบบตรวจลายนิ้วมืออัตโนมัติของกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเปรียบเทียบลายนิ้วมือที่มีอยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนประวัติผู้ต้องหาทั่วประเทศที่มีทั้งหมดประมาณ 5-6 ล้านลายนิ้วมือในฐานข้อมูลว่าตรงกับใครหรือไม่ ต้องใช้เวลาในส่วนนี้พอสมควรคาดว่าจะทราบผลในช่วงเย็นวันนี้


พล.ต.ต.สุรพล กล่าวถึงการเปรียบเทียบลายนิ้วที่ทางกองพิสูจน์หลักฐานเก็บมาได้จากรถต้องสงสัยกับ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ

คือ จ.ส.อ.ปัญญา หรือห่อ ศรีเหรา สังกัดศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี และส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทาน สังกัด บช.ปส.ว่า ยังไม่ได้มือการเปรียบเทียบเนื่องจากไม่มีลายนิ้วมือของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเก็บไว้ ต้องให้พนักงานสอบสวนประสานต้นสังกัดของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเพื่อขอลายนิ้วมือจากทะเบียนประวัติในรับราชการมาตรวจเปรียบเทียบอีกทีว่าตรงกับที่พบบนรถต้องสงสัยหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด


ส่วนการตรวจเขม่าดินปืนที่พบบนรถต้องสงสัยนั้นพล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ไม่พบเนื่องจากเหตุเกิดนานแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำขวดน้ำที่พบในรถมาตรวจหาดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดีด้วย

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจขออนุมัติศาล เพื่อออกหมายจับ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหลา เจ้าหน้าที่ทหารชั้นประทวน สังกัดศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 52 ที่ผ่านมา

ในข้อหายิงนายสนธิ  ลิ้มทองกุล ซึ่งมีรายงานข่าวว่า จ.ส.อ.ปัญญา ได้มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ( กอ.รมน.ภาค 4) ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 ก.ค.52  ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า จ.ส.อ.ปัญญา เป็นกำลังพลของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่มาช่วยราชการในส่วนของกองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร ซึ่ง จ.ส.อ.ปัญญา ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ เนื่องจากได้ลาพักผ่อนไปก่อนหน้านี้ โดยตนได้สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยไปตรวจสอบว่า จ.ส.อ.ปัญญา ขณะนี้พักอยู่ที่ใด เนื่องจากได้ทราบข่าวว่ามีหมายจับ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานจากฝ่ายตำรวจ ในการขอตัวแต่อย่างใด


“ หลังจากทราบว่า จ.ส.อ.ปัญญา มีหมายจับแล้ว ตนเองก็สั่งการให้ผู้บังคับหน่วย รีบติดตามหาตัว จ.ส.อ.ปัญญา ทันที เพื่อจะได้ประสานงานให้เข้ามอบตัว เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทันที ซึ่งทาง พตท.ก็คงจะให้ความร่วมมือกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นนโยบายของท่านผู้บัญชาการทหารบก ที่ว่าผู้ใดผิดก็ให้ดำเนินการตามความผิด ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งแนวโน้มที่จะได้ตัว จ.ส.อ.ปัญญา กลับมานั้น ในความคิดของตนเชื่อว่าอาจจะยาก เนื่องจากหลังเป็นข่าวขึ้นมา ค่อนข้างครึกโครมมาก แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องรอเวลาให้ผู้บังคับบัญชาของทหารนายดังกล่าวติดตามตัวกลับมา เพื่อต่อสู้คดี ” ผบ.พตท. กล่าว


มีรายงานว่า สำหรับ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหลา นั้น เป็นทหารสังกัดกองบัญชาการสงครามพิเศษ ลงมาปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเดือนตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา โดยช่วยราชการอยู่ที่กองร้อยทหารพรานที่ 44 อ.สายบุรี จ.ปัตตานี


นางคณิตา ศรีเหลา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/20ม.4 บ้านหนองมาด ตำบลช้างทูน อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ภรรยาของจ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหลา ผู้ต้องหาคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่บ้านพัก

ที่อยู่ห่างไกลเข้าไปในป่าเขา หลังจากเก็บตัวเงียบไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าพบ จนที่สุดผู้สื่อข่าวต้องขอให้นายเกษม มั้งคง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลช้างทูน มาช่วยติดต่อกับนางคณิตาให้ นางคณิตาจึงยอมให้พบและให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นางคณิตาเล่าว่า  ตนเองอยู่กินกับจ่าปัญญา มาหลายปี จนมีบุตรด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นหญิงอายุ8 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองตราด ส่วนคนเล็กอายุ 3 ขวบเศษ เป็นชายอยู่ศูนย์เด็กเล็กในตำบลช้างทูน ส่วนตนเองมีอาชีพทำสวนปาล์มและสวนมังคุด โดยมีจ่าปัญญาลงมาช่วยทำสวนเมื่อยามว่างเป็นประจำ ครั้งสุดท้ายเมื่อกว่า 2 เดือนที่ผ่านมาจ่าสิบเอกปัญญา แจ้งว่าถูกย้ายไปประจำอยู่จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ไม่บอกว่าจังหวัดใด และไม่ค่อยได้ติดต่อกันเนื่องจากอยู่ภาคใต้ใช้โทรศัพท์มือถือไม่ได้ เมื่อมีธุระสามีจะเป็นฝ่ายโทรติดต่อมาเอง  โดยครั้งสุดท้ายเป็นการติดต่อกันเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา


"สำหรับเรื่องคดีที่จ่าปัญญามีส่วนเกีย่วข้อง  ไม่เชื่อเพราะปกติจ่าปัญญาเป็นคนใจดี รักครอบครัว ขยันทำงาน และเมื่อครั้งเกิดเหตุนายสนธิ  ลิ้มทองกุล ถูกยิง ก็ยังดูข่าวตอนนั้นจ่าปัญญาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนบ้าน จึงไม่เชื่อว่าจ่าปัญญาจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้   ส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงจ่าปัญญาเกรงจะไม่ปลอดภัย ขอให้จ่าปัญญาติดต่อกลับมาทางบ้านบ้าง " นางคณิตา  ระบุ


ขณะที่เมื่อเวลา10.00น. พล.ต.ต.นิวัตน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รองผบช.ภ.2 พล.ต.ต.สุเมธ เรือวสวัสดิ์ รองผบ.สอบสวนกลาง พล.ต.ต.วีรศักดิ์ มีนะวานิช รองผบ.จเรตำรวจ

พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากตำรวจภูธรภาค 2 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจ.ตราดและจากสนง.ตำรวจแห่งชาติจำนวน 70 นายเข้าทำการตรวจค้นโรงงานบรัทไม้กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด โครงการไม้กฤษณาของพลเอกเชษฐา ฐานะจาโร ซึ่งมีนายวาริน นิสัยซื่อ เป็นผู้จัดการ ทั้งนี้เนื่องจากชุดคลี่คลายคดีลอบยิงนายสนธิ  สืบทราบว่า จ.ส.อ.ปัญญา  หนึ่งในผู้ต้องหาคดียิงนายสนธิ หลบหนีมากบดานอยู่ที่โรงงานแห่งนี้ จึงได้ระดมกำลังพร้อมหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น หลังการตรวจค้นไม่พบจ.ส.อ.ปัญญาและหลักฐานใดๆในโรงงาน


ต่อมาจึงนำตัวนายวาริน และนายอนุชาติ ช่างเกวียน อายุ 37 ปี คนงานประจำเตาต้มกลั่นไม้กฤษณา มาสอบปากคำ

โดยใช้เวลาในการสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยนายอนุชาติให้การว่า จ.ส.อ.ปัญญา เคยมาทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งนี้จริงในตำแหน่งพนักงานประจำเตาต้มกลั่นไม้กฤษณา คู่กับนายอนุชาติ แต่ไม่ได้พักอยู่ประจำ ไปๆมากับบ้านภรรยาที่บ้านหนองมาด ต.ช้างทูน อ.บ่อไร่ แต่ครั้งล่าสุดเมื่อกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา จ.ส.อ.ปัญญา กลับหายไปเลยไม่เคยมาทำงานอีกและไม่ได้ลาออกจากโรงงานแห่งนี้ โดยไม่ทราบสาเหตุ


พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบ.สอบสวนกลาง  กล่าวว่า เป็นการติดตามความคืบหน้าคลี่คลายคดีนี้

หลังได้รับทราบข้อมูลคนร้ายที่ถูกออกหมายจับหลบมากบดานอยู่ที่นี่ จึงใช้หมายศาลมาทำการตรวจค้น แต่ไม่พบหลักฐานใดๆ อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำคนงานและผู้จัดการโรงงานที่เปิดเผยจะเป็นข้อมูลในการติดตามจับกุมตัวจ.ส.อ.ปัญญา ต่อไป ในขณะเดียวกัน ทีมงานชุดคลี่คลายคดีนี้ได้แบ่งทีมไปสอบปากคำนางคณิตา  ภรรยาของจ.ส.อ.ปัญญา ที่บ้านพักเลขที่ 18/20ม.4บ้านหนองมาด ต.ช้างทูนอ.บ่อไร่ จ.ตราดต่อไปด้วย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์