มาร์คฉุนถูกถามไทยแชมป์ติดหวัด2009

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมไม่ได้หารือเรื่องผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่ไม่ให้ประกาศยุติกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เพราะเกรงใจเอกชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเกรงใจ แต่เป็นเรื่องรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมบนความพอดี ขอย้ำว่าตั้งแต่วันแรกที่เกิดระบาดขึ้น แม้กระทั่งองค์การอนามัยโลก ยังบอกว่าการจะระงับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ระดับไหนจำเป็นหรือไม่จำเป็น

"สมมุติว่าเราคิดว่าหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง และประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม มีบางประเทศประเมินว่าใน 1 สัปดาห์ที่หยุดกิจกรรม อาจเสียหายเป็นแสนล้านบาท แต่หลังจากนั้นก็กลับมาแพร่ระบาดอีก เช่นหยุดโรงเรียน พอเปิดก็กลับมาอีก เพราะไม่มีใครมีภูมิคุ้มกัน จึงต้องหาความพอดี ดังนั้นที่เราดูคือ อัตราการเสียชีวิต และดูว่ากำลังของโรงพยาบาลต่างๆ รับได้หรือไม่ ถ้ามีโนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นก็ต้องมีมาตรการเพิ่มขึ้นเพื่อถ่วงดุล"นายกฯกล่าว

ส่วนข้อเสนอของ นพ.สุชัยเกี่ยวกับผลกระทบจากวัคซีนนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนรับทุกข้อเสนอ

ส่วนที่วิตกผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งอนุมัติซื้อไปนั้น ครม.ได้ซักถามว่า บริษัทผู้ขายจะต้องผ่านการจดทะเบียนที่ยุโรปให้ได้จึงจะสามารถขายให้ไทยได้ ถ้าไม่สามารถผ่านการจดทะเบียนได้ เราจองไว้แล้วต้องได้รับค่าชดเชย อย่างไรก็ตามบริษัทที่สั่งจองรวมถึงบริษัทอื่นๆ จะไม่ยอมทำสัญญาใดๆ ที่จะเป็นการับผิดชอบในเรื่องผลข้างเคียง โดยอ้างว่าการทดลองวัคซีนทดลองได้ระดับหนึ่ง แต่จากการผลิตจำนวนมากจึงไม่สามารถประกันได้ว่า จะไม่มีผลข้างเคียงเลย จึงถือเป็นความเสี่ยงของคนที่ซื้อไป เราต้องตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ เราไม่ซื้อก็ได้ แต่โควต้าที่เราจองไว้จะยกให้ประเทศอื่นทันที เพราะขณะนี้รอคิวกันมา ครม.พิจารณาแล้วเห็นว่าการได้รับการจดทะเบียนที่ยุโรปเป็นหลักประกันเพียงพอที่จะตัดสินใจซื้อ ขณะนี้ไม่มีทางเลือกอื่น คือจะจองหรือสละสิทธิ์ ต้องตัดสินใจเลย ถ้าไม่ยืนยันการจองหมายถึงไทยจะไม่มีโควต้า ส่วนการเข้าถึงวัคซีนของไทยนั้น ปกติต้องการให้มีไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของประชากร ของไทยคิดเป็นจำนวน 6 แสนกว่าคน แต่ได้สั่งจองไว้ถึง 1 ล้านโดส


เมื่อถามว่า รัฐบาลมีมาตรการใดที่ทำให้ไทยหลุดจากการเป็นแชมป์การแพร่ระบาดในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ตอบสวนว่า "เราไม่ได้เป็นแชมป์ ขณะนี้ท็อบเท็นยังไม่ติดเลยครับ"

เมื่อถามว่า มีการจัดอันดับไทยเป็นอันดับที่ 6 แล้ว นายกฯกล่าวว่า วิธีเปรียบเทียบต้องเปรียบเทียบการติดเชื้อกับอัตราส่วนประชากร และเปรียบเทียบอัตราส่วนการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากร ซึ่งเราไม่ติดอันดับทุกรณี แต่ถ้าเอาจำนวนตัวเลขดิบที่มีการรายงานว่าใครเสียชีวิตมากสุด ก็ใช่ แต่ก็ต้องเทียบกับขนาดประเทศด้วย


"แน่นอนว่าผมไม่พอใจที่มีการเสียชีวิต แต่เข้าใจสถานการณ์ว่า ต้องเรียนรู้ อย่างสหรัฐเสียชีวิตไป 200 กว่คน ผมก็ไม่ได้ว่าหย่อนยาน เพราะเป็นเรื่องลำบาก วันนี้บางประเทศทะลุ 100 คนแล้ว ออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงเรื่องเข้มงวดกวดขันมากก็เจอสถานการณ์เดียวกับไทย แต่ทัศนคติบางประเทศที่ไม่เป็นข่าวเลยอย่างสหรัฐ แคนนาดา เขาถือเป็นนโรคปกติทั่วไป" นายอภิสิทธิกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าไข้หวัดใหญ่จะเป็นสาเหตุให้รัฐบาลต้องล้ม นายอภิสิทธิ์ส่ายหน้าแต่ไม่ตอบคำถาม

เมื่อถามว่า ทั้งหมดเท่ากับว่าเป็นการยอมแพ้กับการแพร่ระบาดได้แล้วใช่หรือไม่ โดยเฉพาะการบอกว่าโรคนี้กลายเป็นโรคประจำถิ่น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประกาศเป็นโรคประจำถิ่นนั้นมันเป็นอยู่แล้วใน 130 กว่าประเทศ ต้องยอมรับว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของโลกแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า เรายอมแพ้ เราก็พยายามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป


"ผมคุยกับคุณพ่อ (นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ) อยู่ทุกเช้า สิ่งที่ผมพูดวันนี้ ก็เป็นการพูดตามความเป็นจริงจากที่ได้ปรึกษากับทุกหมอแล้ว วันนี้ไข้หวัดมันระบาด คนเป็นก็ไปรับการรักษาคนเป็นไม่มากก็อยู่บ้าน หลักมีอยู่เท่านี้ ถ้ามีอาการไข้สูง ต้องไปพบแพทย์ พอมีอาการเขาก็จะให้ยาโอเซลทามีเวียร์ไข้ก็จะลด" นายกรัฐมนตรีกล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์