นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายเรียกข้อหาก่อการร้าย ดิ้นอีกเฮือก
มอบหมายให้นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความที่รู้จักกันดีในแวดวงพันธมิตร ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับผบ.ตร.
เรียกร้องให้ตรวจสอบ ทบทวนการตั้งข้อกล่าวหา และมีคำสั่ง ให้ยกเลิก เพิกถอนข้อกล่าวหาทั้งหมด
พร้อมทั้งให้ผบ.ตร.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ การใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการสอบสวนชุดพล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.
รวมถึงให้ยุติการดำเนินการของพนักงานชุดดังกล่าวทั้งคณะ
ทนายความนายกษิตอ้างว่าหลังจากดูพฤติการณ์แห่งคดีมีหลายส่วนคลาดเคลื่อน ทุกข้อหาไม่เป็นธรรม
การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาแต่ละคนร่วมกันทำความผิดด้วยวิธีการใด แต่ละคนได้รับมอบหมายให้กระทำการใดเมื่อใด ใครเป็นผู้มอบหมายสั่งการ หรือประชุมกันที่ไหน
ขณะที่ พล.ต.ท.วุฒิกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าพนักงานสอบ สวนทำดีที่สุดแล้ว การแจ้งข้อกล่าวหามีพยานหลักฐาน พร้อมกับขออภัยหากทำให้ผู้ต้องหาไม่สบายใจ
ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ออกมาปกป้องนายกษิตว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย และระบุว่าพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาแรงไป
ก็ต้องจับตาดูกันต่อว่างานนี้ จะมีรายการอุ้มนายกษิตให้พ้นข้อหาดังกล่าวหรือไม่
รวมทั้งจะเป็นบรรทัดฐานในการยื่นร้องให้ผู้ต้องหาอื่นๆ ที่โดนข้อหาเดียวกันนี้หรือไม่
สำหรับนายกษิต หลังจากรัฐบาลช่วยกันกระเตงให้อยู่ในเก้าอี้ต่อไป โดยไม่สนใจเสียงชาวบ้าน หรือแม้แต่กฎเหล็กที่เคยประกาศไว้อย่างภาคภูมิใจ
การประชุมอาเซียนซัมมิต ที่ภูเก็ต ในเร็วๆ นี้ ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนจะสง่างามขนาดไหน เมื่อรมว.ต่างประเทศตกเป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายยึดสนามบิน
ในส่วนของนายกษิตหลังจากเบรกแตกด่ากราด ท้าใครต่อใครไปทั่ว ก็มาแก้ตัวทีหลังอ้างว่าไม่มีเจตนาพาด พิงทหาร
แถมกลับมายกยอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงขนาดยกให้เป็น ปูชนียบุคคลของประเทศ
พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยหรือไม่ ก็พิจารณากันเองได้
แบบเดียวที่เคยด่าสมเด็จฮุนเซนเป็นกุ๊ย เป็นไอ้นักเลงข้างรั้ว
แล้วก็มาแก้ตัวเอาใจว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในอาเซียนในภายหลัง
ไม่รู้จะยกย่องว่าเป็นสุดยอดของลิ้นการทูต หรือตอก ย้ำ"ไซมีส ทอล์ก"ดี
เพราะจนถึงขณะนี้ ก็ยังเข้าหน้าผู้นำกัมพูชาไม่ติด
ต้องใช้บริการนายสุเทพ ที่อ้างว่าสนิทสนมกับสมเด็จฮุนเซนทำหน้าที่แทน