ไทยรัฐ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าววันนี้ (22 ส.ค.) ถึงเหตุการณ์ปะทะรุนแรงระหว่างกลุ่มขับไล่และกลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ปกติการเคลื่อนไหวหรือการชุมนุมทางการเมืองจะไม่มีความรุแรง แต่ภาพที่เห็นเป็นการใช้กำลังไล่ชกกัน แสดงว่า บุคคลเหล่านั้นไม่ได้มีหลักที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรง สิ่งสำคัญ คือ เจ้าหน้าที่ต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่า ใครที่ทำรุนแรงหรือทำผิดกฎหมายต้องถูกนำตัวมาลงโทษ ไม่ปล่อยให้พฤติกรรมเหล่านี้ผ่านเลยไป นายกรัฐมนตรีจะต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่า ใครที่ก่อความรุนแรงจะต้องรับผิดชอบ
"ยกตัวอย่าง วันที่พวกผมไปเชียงใหม่ ภาพถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ต้นด้วยกล้องโทรทัศน์มีทุกสถานี แต่ยังไม่มีการดำเนินการนำผู้ที่ก่อความวุ่นวายมาลงโทษ คิดว่า เป็นการส่งสัญญาณที่ผิด เพราะจะทำให้มีคนบางกลุ่มคิดว่า ใช้ความรุนแรงได้ โดยไม่ต้องรับผิดชอบ หากพิจารณาให้ละเอียดจะเห็นว่า กลุ่มที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้ รวมไปถึงกรณีที่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ศาลอาญา ควรลงโทษอย่างจริงจัง ตรงนี้ถือเป็นจุดที่ควรส่งสัญญาณให้ชัด" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อถึงผู้ที่ต้องการแสดงออกทางการเมือง ว่า ขอให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ จึงอยากเห็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ใครทำความรุนแรงจะต้องรับผิดชอบ เช่นที่ จ.เชียงใหม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวคำเดียวว่า ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย หมายความว่าอย่างไร เนื่องจากต่อมาได้เกิดเหตุที่ จ.อุดรธานีและอีกหลายแห่ง ทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบอย่างเท่าเทียมกัน
นายอภสิทธิ์ กล่าวกรณีพรรคไทยรักไทยระบุว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ว่า อย่าพยายามสร้างความสับสนว่า การเคลื่อนไหวเหล่านี้มีใครอยู่เบื้องหลัง สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่า เหตุใดถึงมีความพยายามที่จะโยงถึงพรรคการเมืองเมื่อสามารถตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกลุ่มบุคคลกระทำเช่นนี้กับนายอภิสิทธิ์จะทำอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ควรโยง ควรชี้ให้เห็นชัดเจนและหาทางแก้ไขปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสงบในบ้านเมืองดีกว่า ที่สำคัญปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใครเป็นคนจัดตั้ง แต่อยู่ที่การเคลื่อนไหวอยู่ในขอบเขตและใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนกรณีมีการระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะย้อนยุคไปคล้ายเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 นั้น ตนเห็นว่าปัญหาวิกฤติของความแตกแยกถือเป็นปัญหาสำคัญที่สุดที่จะต้องแก้ไข พรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอทางออก โดยการปฏิรูปการเมืองถือเป็นส่วนหนึ่ง แต่การอำนวยความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้มีอำนาจต้องมีความโปร่งใส รวมทั้งมีความอดทนที่จะรับฟังความเห็นที่แตกต่างจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขได้
"ที่ผ่านมาความแตกแยกทางความคิดที่ระเบิดรุนแรงตามท้องถนนหรือตามสถานที่ต่างๆ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการปิดกั้นการแสดงออก ที่พึงกระทำได้ในระบอบประชาธิปไตย โดยมีความพยายามสกัดกั้นผู้ที่ไม่เห็นด้วยหรือผู้ที่มีความเห็นไม่เหมือนกับรัฐบาล จึงทำให้เกิดแรงกดดันในสังคม หากมีรัฐบาลที่โปร่งใส ยอมรับการตรวจสอบ และยอมรับความหลากหลาย ปัญหาเหล่านี้จะลดลง" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว