ปธ.มูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ตเชื่อพ.ร.บ.มั่นคงไม่กระทบท่องเที่ยว

นพ.ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์ ประธานมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต กล่าวถึงการประกาศใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต

เพื่อความปลอดภัยในการจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 และการประชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ระหว่างวันที่ 17-23 กรกฎาคม ที่โรงแรมเชอราตันแกรนด์ลากูน่าภูเก็ต ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า ถ้ามองถึงเจตนา อยากจะให้การประชุมอาเซียนดำเนินการไปอย่างเรียบร้อยและราบรื่น เพื่อเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยและ จ.ภูเก็ตแล้ว คิดว่าคงไม่เสียหายอะไรในการประกาศ เพราะเป็นการกันไว้ก่อนแก้และเข้าใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชนใดๆ


"เพียงแต่ว่ารัฐบาลเอง ก็ต้องรับฟังจากทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหา โดยไม่มีการแบ่งแยกสีเสื้อ เพื่อให้ประเทศไทยมีความสมานฉันท์จริงๆ นอกจากนี้ขอฝากด้วยว่ากระบวนการยุติธรรมต่างๆ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย ถ้าจะสมานฉันท์ให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในประเทศ หลายๆ ฝ่ายคงจะต้องมาช่วยกัน ทั้งฝ่ายปกครอง ศาลยุติธรรม หรือการเมือง เพราะว่าคนในสังคมนั้นล้วนแล้วแต่ต้องการที่จะทำความดีทั้งนั้น" นพ.ประสิทธิ์กล่าว

นายธนู แนบเนียน ผู้ประสานงานองค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน รับผิดชอบพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ และ จ.ระนอง กล่าวว่า

การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นการใช้อำนาจของรัฐในการแก้ไขปัญหาระหว่างการประชุมอาเซียน และความวุ่นวายที่อาจตามมาในพื้นที่หรือเกิดปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม คิดว่าถ้ารัฐบาลใช้อำนาจอย่างชอบธรรมในการแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆ จะช่วยแก้ไขปัญหาที่คาราคาซังหรือทับซ้อนอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเหลืองหรือเป็นแดง ขณะเดียวกันรัฐบาลน่าจะใช้อำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมรวมทั้งปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ด้วย


"ไม่ว่าจะเป็นการประชุมที่เมืองพัทยา (จ.ชลบุรี) ที่อื่นๆ หรือที่ภูเก็ต หากปฏิบัติต่อคนอย่างเสมอหน้า ไม่มีการปฏิบัติอย่างเหลื่อมล้ำต่ำสูง มีความยุติธรรม ประเทศไทย จำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาที่รากฐานของสังคม ทรัพยากร และทางเศรษฐกิจ ที่กระจายอย่างเป็นธรรมจริงๆ ซึ่งหากทำเช่นนี้แทบจะไม่ต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้ด้วยซ้ำไป การประกาศใช้ พ.ร.บ.นี้เข้าใจว่าเป็นการกันเอาไว้ก่อนที่จะมีอะไรบานปลาย แต่เชื่อว่าสังคมในภูเก็ตไม่น่าจะมีความขัดแย้งในลักษณะที่เกิดขึ้นที่เมืองพัทยา การประกาศใช้ครอบคลุมรัศมี 5 กิโลเมตร คนภูเก็ตคงไม่ตื่นตระหนกอะไร ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา" นายธนูกล่าว

ขณะที่นายไพโรจน์ พลเพชร คณะกรรมการประสานงานองค์การพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

เนื่องจากเห็นว่าการประชุมครั้งนี้ ไม่ครอบคลุมปัญหาในภาพรวมของประชาชนในภูมิภาคโดยตรง "อีกอย่างคือ ไม่มีความพร้อม เพราะแต่ละองค์กรมีงานที่จะต้องเตรียมเพื่อจัดกิจกรรมช่วงปลายปี ส่วนของภาคประชาชนส่วนอื่นนั้นผมไม่แน่ใจว่าจะจัดประชุมคู่ขนานหรือไม่" นายไพโรจน์กล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์