" ... ในการชุมนุม ไม่ให้นำมวลชนไปชุมนุมบริเวณใกล้เคียงกัน เพื่อป้องกันการปะทะกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ ควบคุมพื้นที่ไม่ให้ทั้งสองกลุ่มเข้าใกล้กัน และถ้ามีเหตุปะทะกันรุนแรง จะมีชุดปราบจลาจลเคลื่อนที่เร็ว จากกองร้อย อส.เข้าระงับเหตุทันที ... "
หมายเหตุ : หน่วยงานด้านการข่าวและหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้ประเมินสถานการณ์ด้านมวลชน พร้อมจัดทำรายงาน "ลับ"เกี่ยวกับการจัดตั้งมวลชนเตรียมเคลื่อนไหวที่ จ.บุรีรัมย์ และอาจมีผลต่อการปฏิบัติภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 กรกฎาคม ให้นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องรับทราบ
----------------------------------
บันทึกลับหน่วยข่าวรับมือสารพัดม็อบบุกรับมาร์ค เตรียมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว หวั่น2ฝ่ายปะทะกัน
ประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวมวลชนใน จ.บุรีรัมย์ กรณีนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจ
จากการตรวจสอบข่าวสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในปัจจุบัน ปรากฏข่าวสารกลุ่มมวลชนที่จะเคลื่อนไหวกรณีนายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนดการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2552 ดังนี้
1.กลุ่มต่อต้านรัฐบาล
1.1 กลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ อ.ปะคำ อ.นางรอง อ.หนองกี่ อ.โนนสุวรรณ และ อ.โนนดินแดง มีนายสุพร อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน), นายวุฒิพงษ์ เหลืองอุดมชัย, นายแสวง เพ็งศรี และนายสุรศักดิ์ เพชรสว่าง เป็นแกนนำ มีมวลชนประมาณ 1,000 คน โดยกลุ่มดังกล่าวเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมและเปิดตัวในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2552 โดยจัดกิจกรรม "หัวใจรักประชาธิปไตย" ณ บริเวณศาลาประชาคมบ้านไทยเจริญ หมู่ 1 ต.ไทยเจริญ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ และเปิดตัวนายสากล ศรีวันทา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งนี้ แกนนำได้เชิญชวนประชาชนในพื้นที่ให้เข้าร่วมอุดมการณ์กับกลุ่มคนเสื้อแดง
1.2 กลุ่มมวลชนจากนอกพื้นที่ แบ่งเป็น
-กลุ่ม "ช้างแดงสุรินทร์" จากพื้นที่ อ.รัตนบุรี และ อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ มีนายพรเทพ พูนศรีธนากูล และนายชาญชัย สิงห์นุช เป็นแกนนำ โดยมีอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยเดิมให้การสนับสนุน มีมวลชนประมาณ 300 คน ความเคลื่อนไหวสำคัญที่ผ่านมา เคยชุมนุมต่อต้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ในการเดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดอาคารเรียนเทศบาลท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2552
-กลุ่ม "หนองน้ำใสรักประชาธิปไตย" (เครือข่ายกลุ่ม นปช. จ.นครราชสีมา) นำโดยนายเขื่อนเพชร โพนรัมย์ จะนำมวลชนประมาณ 20 คน ไปชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรี ที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ และ อ.ลำปลายมาศ พบอีกว่า จะมีการประสานงานไปยังกลุ่ม นปช.จากพื้นที่ จ.ชัยภูมิ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.ยโสธร จ.อุดรธานี และ จ.ขอนแก่น และได้จัดเตรียมไข่ต้มไปแจกจ่ายสมาชิกเพื่อใช้รับประทานและข่มขู่นายกรัฐมนตรีด้วย
-กลุ่มคนเสื้อแดงเครือข่าย "ชมรมคนรักอุดร" นำโดยนายชวัญชัย สาราคำ (ไพรพนา) จากพื้นที่ จ.อุดรธานี ได้ประกาศจะเป็นแกนนำมวลชนเสื้อแดงไปต่อต้านนายกรัฐมนตรี จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวล่าสุด พบว่า กำลังรอการตัดสินใจจากนายขวัญชัย ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร และจะนำมวลชนเดินทางไปเคลื่อนไหวจำนวนเท่าใด
-กลุ่ม นปช.ร้อยเอ็ด (กลุ่มร้อยเอ็ด 24) นำโดยนายวรวิทย์ ตั้งกิจเจริญพงษ์ จะนำมวลชนจากเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด อ.เมืองร้อยเอ็ด อ.ธวัชบุรี จำนวนประมาณ 100 คน ไปชุมนุมต่อต้านนายกรัฐมนตรีที่ จ.บุรีรัมย์ โดยเตรียมรถโดยสารไม่ประจำทางไว้แล้ว 2 คัน
-กลุ่มคนเสื้อแดง จ.ศรีสะเกษ นำโดย นางดวงใจ จำปาพันธุ์ ผู้ใกล้ชิด ส.ส.ในพื้นที่ จะนำมวลชนจากพื้นที่ อ.ราษีไศล อ.เมืองศรีสะเกษ อ.วังหิน และ อ.ขุนหาญ จำนวนประมาณ 150 คน เดินทางไปชุมนุมต่อต้านนายกรัฐมนตรีที่ จ.บุรีรัมย์ โดยเตรียมเช่ารถบัสปรับอากาศไว้แล้ว 2 คัน
2.กลุ่มที่จะยื่นหนังสือเรียกร้อง
2.1 กลุ่มเรียกร้องที่ทำกิน ประกอบด้วย กลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ มีนายสมนึก ปัดชา และนายสุรินทร์ ท่าซ้าย เป็นแกนนำ มีมวลชนประมาณ 1,000 คน (กว่า 4,000) ครัวเรือน เคลื่อนไหวเรียกร้องขอให้ทางราชการนำพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อ.ดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 8 แปลง เนื้อที่ 8,415 ไร่ ที่หมดอายุการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ของบริษัทปลูกป่าเอกชนมาจัดสรรให้ราษฎรทำกิน
2.2 กลุ่มกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จ.บุรีรัมย์ / สภาเกษตรกรไทย ประมาณ 20 คน มีนางวาสนา ชาลี เป็นแกนนำ เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้สิน (ยังไม่กำหนดสถานที่)
2.3 กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง จ.บุรีรัมย์ ประมาณ 5-10 คน มีนายอัครวัฒน์ กิติพงษ์ภากร เป็นแกนนำ เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขปัญหากรณีเพลี้ยทำลายมันสำปะหลัง และโครงการสนับสนุนไฟฟ้าในแปลงการเกษตร (ยังไม่กำหนดสถานที่)
2.4 กลุ่มปัญหาที่ทำกินในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ประกอบด้วย กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) กลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ต้นน้ำลำนางรอง กลุ่มราษฎร ต.นางรอง ประมาณ 500 คน
2.5 กลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินทำกินภาคอีสาน จ.บุรีรัมย์ ประมาณ 120 คน มีนายวันชัย ชะอ้อนศรี และนายไพฑูรย์ สร้อยสด เป็นแกนนำ เรียกร้องให้ทางราชการออกโฉนดชุมชนในที่ดินบริษัทเอกชนที่หมดสัญญาสัมปทานปลูกป่าในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ และขอความเป็นธรรมกรณีถูกแจ้งความดำเนินคดีบุกรุกแผ้วถางป่าในเขตอนุรักษ์ฯ
อนึ่ง ประเมินว่า หากทางจังหวัดบุรีรัมย์มารับหนังสือหรือเจรจา คาดว่ากลุ่มเหล่านี้จะสลายการชุมนุม
---------------
มาตรการรับมือ ของฝ่ายปกครอง-ตำรวจ
1.จ.บุรีรัมย์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนและตำรวจ ติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด และจัดเตรียมกำลังพลเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ประกอบด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน กำลังทหาร รวมจำนวนประมาณ 3,000 นาย และมีกำลังจากสมาชิก อส. จำนวน 300 นาย สมาชิก อปพร.จ.บุรีรัมย์ จำนวน 50 นาย โดยจัดชุดเคลื่อนที่เร็วจากกองร้อย อส.จังหวัด และหน่วยพยาบาล หน่วยกู้ภัย จากโรงพยาบาล จ.บุรีรัมย์ คอยให้การช่วยเหลือในกรณีมีเหตุรุนแรง จะตั้งจุดตรวจจุดสกัดอย่างเข้มงวดทุกอำเภอ รวมกำลังปฏิบัติการในภารกิจทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 4,000 นาย
2.จ.บุรีรัมย์และ ส.ส.ในพื้นที่ ได้พยายามทำความเข้าใจกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงและกลุ่มมวลชนจัดตั้งของฝ่ายการเมืองแล้วว่า ในการชุมนุมไม่ให้นำมวลชนไปชุมนุมบริเวณใกล้เคียงกัน เพื่อป้องกันการปะทะกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ ควบคุมพื้นที่ไม่ให้ทั้งสองกลุ่มเข้าใกล้กัน และถ้ามีเหตุปะทะกันรุนแรงจะมีชุดปราบจลาจลเคลื่อนที่เร็วจากกองร้อย อส.เข้าระงับเหตุทันที
3.กรณีกลุ่มมวลชนอื่นๆ เช่น กลุ่มที่ดินทำกิน ฯลฯ จะไปยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีนั้น จังหวัดได้ประสานให้ทุกพื้นที่ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด หากพบความเคลื่อนไหวให้รายงานทันที จากนั้นจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเจรจาและรับหนังสือข้อเรียกร้องไว้ โดยจะไม่ให้นำไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรีในวันที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจอย่างเด็ดขาด
4.การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่และเป็นงานแรกสำหรับฝ่ายการเมืองที่เป็นเจ้าของพื้นที่ (นายเนวิน ชิดชอบ) ที่จะต้องต้อนรับและป้องกันไม่ให้มีเหตุชุมนุมต่อต้านรุนแรงใดๆ จึงได้กำหนดมาตรการควบคุมการชุมนุมอย่างเข้มงวด และ ส.ส.ในพื้นที่ได้ขอความร่วมมือทำความเข้าใจกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงแล้ว จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดชุมนุมต่อต้านรุนแรง