นายกฯปูดบางกลุ่มหมายขวางประชุม"อาเซียน"ภูเก็ต ต้องประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง วอนคนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี ด้านพท.ยันไม่คัดค้านโวยสันติบาล หาป่วนการประชุม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ถึงการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ARF) ที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17-23 กรกฎาคมนี้ ว่า การประชุมครั้งนี้ขอให้ประชาชนคนไทยเป็นเจ้าภาพที่ดี โดยเฉพาะชาวภูเก็ตคงต้องการเห็นความสำเร็จของการประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากจะเป็นตัวกระตุ้นในเรื่องของการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าจากการข่าวที่ได้มีการติดตามมา พบว่ายังจะมีบุคคลบางกลุ่มที่พยายามที่จะจัดกิจกรรมในลักษณะที่จะให้เกิดผลกระทบ หรือขัดขวางการประชุม เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องประกาศพื้นที่ภูเก็ตและรอบๆ เป็นพื้นที่ความมั่นคง และได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ปี 2551 ระหว่างวันที่ 10-24 กรกฎาคมนี้
อภิสิทธิ์เผยบางกลุ่มขวางประชุมอาเซียน ต้องงัดใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงกันม็อบป่วน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า
พท.จะไม่ไปคัดค้านการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต เพราะเป็นหน้าตาของประเทศ หากจะคัดค้านก็จะคัดค้านการทำหน้าที่ของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะเป็นประธานการประชุมเท่านั้น ถ้าจะไปก็เป็นการยื่นหนังสือคัดค้านกับพรรคพวกไม่เกิน 5 คนตามที่กฎหมายกำหนด
"วันนี้มีหนังสือรายงานจากตำรวจสันติบาลว่า คนที่จะไปป่วนการประชุมที่ภูเก็ตนั้นมีผม นายนิพนธ์ หรือโกยาว นพฤทธิ์ พี่ชายผม นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และนายกฤษ สีฟ้า อดีต ส.ส.พังงา พรรคไทยรักไทย ผมจึงขอยืนยันว่าถ้ามีบุคคลใดอ้างใส่เสื้อสีแดง หรือใส่เสื้อสีอื่นไปป่วนที่ จ.พังงา หรือ จ.ภูเก็ตถือว่าไม่ใช่พวกผม แต่เป็นแดงเทียม ที่รัฐบาลกำลังป้ายสีโยนขี้ให้ผมและพรรคเพื่อไทย"นายพร้อมพงศ์กล่าว
พ.อ.ปิยะพงษ์ วงศ์จันทร์ รองผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการมวลชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 กล่าวว่า
ขณะนี้มีประชาชนในพื้นที่ 6 ตำบล ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ประกอบด้วย ต.เชิงทะเล ต.สาคู ต.ไม้ขาว ต.ศรีสุนทร ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง และ ต.กมลา อ.กะทู้ รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบโรงแรมเชอราตัน แกรนด์ ลากูน่า ภูเก็ต สถานที่จัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน พากันเดินทางมาทำสติ๊กเกอร์สำหรับผ่านเข้า-ออกจุดที่มีการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้มีประชาชนมาทำสติ๊กเกอร์แล้วกว่า 40,000 ราย และขอความร่วมมือจากประชาชนที่ยังไม่ได้ติดต่อขอรับสติ๊กเกอร์ให้รีบดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุดภายในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ หรือก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ สติ๊กเกอร์ที่ใช้สำหรับตรวจสอบยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออกมีทั้งหมด 4 สี แยกตามพื้นที่และตำบล โดยพื้นที่ในโซนโรงแรมเครือลากูน่าฯ จะใช้สติ๊กเกอร์สีเขียว พื้นที่ ต.เชิงทะเล และ ต.กมลา ใช้สีแดง พื้นที่ ต.ไม้ขาว ต.เทพกระษัตรี ต.ศรีสุนทร และ ต.สาคู ใช้สีฟ้า ส่วนนอกพื้นที่ 6 ตำบลดังกล่าวจะใช้สีเหลือง
"ขณะนี้มีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ตแล้ว ภารกิจหลักเกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาความปลอดภัยช่วงการประชุม โดยตั้งศูนย์อำนวยการขึ้นที่อาคารหอประชุมโรงเรียนเชิงทะเลตันติวิท มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ประกอบด้วยชุดปฏิบัติงานมวลชน ชุดรักษาความปลอดภัย ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่การสื่อสาร และยังได้บูรณาการด้านข้อมูลการทำงานกับกองทัพภาคที่ 4 ทั้งในด้านการข่าวความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น พร้อมกับส่งชุดปฏิบัติการมวลชนลงพบปะกับผู้นำชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับผู้มาร่วมประชุม"พ.อ.ปิยะพงษ์กล่าว
ด้านนายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชิงทะเล กล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงว่า
หลังจากที่ใช้มาแล้วเป็นเวลา 3 วันเต็ม จากการสังเกตการณ์พบว่าไม่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด และจากการทำความเข้าใจกับประชาชนส่วนใหญ่ มีเสียงสะท้อนออกมาในทำนองที่สามารถยอมรับได้ เพราะที่ผ่านมาทาง จ.ภูเก็ต และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจต่อประชาชน รวมทั้งพนักงานโรงแรมและผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ประมาณ 20,000 คน ที่จำเป็นต้องเดินทางเข้า-ออกทำงานในโครงการลากูน่าภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ถึงความจำเป็นในการประกาศใช้ พ.ร.บ. แต่อาจจะทำให้ประชาชนบางส่วนไม่ได้รับความสะดวกไปบ้าง
นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า
ทุกฝ่ายจะต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นต่างกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน และเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น เชื่อว่าคงไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพียงแต่จะต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนเท่านั้น ถ้านักท่องเที่ยวมีความเข้าใจก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
"สำหรับประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ในส่วนของประชาชนในพื้นที่ ที่มีการประกาศใช้อาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องของความไม่สะดวกบ้าง แต่ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจ เพื่อให้การจัดประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและประสบความสำเร็จ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับ จ.ภูเก็ตและประเทศไทยต่อไป"นายสมบูรณ์กล่าว
นพ.ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า
ถ้าเป็นช่วงไฮซีซั่น การประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงจะมีผลกระทบแน่ แต่เวลานี้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมาเยือนภูเก็ตน้อยอยู่แล้ว เป็นไปตามฤดูกาลและปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ด้วย จึงไม่ได้สร้างผลกระทบกระเทือนอะไรที่แตกต่างให้กับนักท่องเที่ยวมากนัก
"การประชุมอาเซียนมีความสำคัญที่จะต้องจัดให้ได้ ถ้าเลื่อนการประชุมไปอีกครั้งหนึ่ง คงจะเสียหายต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวที่จองที่พักโรงแรม หรือรายการนำเที่ยวต่างๆ ที่จองมาแล้ว ดังนั้น ในทางกลับกันการประกาศ พ.ร.บ.ก็มีผลทำให้สามารถสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวได้เช่นเดียวกัน" นพ.ศิริชัยกล่าว และว่า ถ้าไม่ประกาศ พ.ร.บ.แต่เกิดความวุ่นวายขึ้นมา จะแย่หรือแย่ซ้ำซากกว่านี้ เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนมีน้อยอยู่แล้ว