สดศรีลั่นไม่เลื่อนชี้หุ้น28ส.ส.

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง

กล่าวถึงกกต.มีมติขยายเวลาอีก 15 วันในการไต่สวน 44 ส.ส.ถือครองหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐ ซึ่งเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 48 และ 265 ของรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้อนุกรรมการไต่สวนยังได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ยังขาดส.ส.ที่ยังไม่มาให้ถ้อยคำ แต่ได้รับการติดต่อว่าจะมาให้ถ้อยคำภายใน 7 วัน คาดว่าน่าจะชี้แจงเสร็จภายใน 7 วัน อีกทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่ยังมีเอกสารไม่พร้อม กกต.ให้อนุกรรมการไปขอข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์ ไม่จำเป็นต้องรอให้ส่งมา ส่วนจะสรุปสำนวนเสร็จก่อนวันที่ 23 ก.ค.หรือไม่นั้น กกต.ได้เร่งรัดแล้ว เพราะใช้เวลาสอบสวนนานแล้ว ยืนยันกรณีดังกล่าว กกต.ไม่ได้ต้องการดึงเรื่อง

นางสดศรี กล่าวว่า ส่วน 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ถือหุ้นในกรณีเดียวกันนั้น ได้นัดลงมติวันที่ 14 ก.ค.นี้

ส่วนประเด็นข้อกฎหมายหุ้นกู้หรือหุ้นสามัญว่าจะต้องตีความข้อกฎหมายอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ประชุมกกต.จะพิจารณา เพราะหากได้หลักฐานชัดเจน คงวินิจฉัยได้ทันทีในวันดังกล่าว ส่วนการส่งคำวินิจฉัย 16 ส.ว.ให้พ้นสภาพกรณีถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญนั้น คาดว่าจะส่งคำวินิจฉัยไปยังประธานวุฒิสภาได้ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนโทรศัพท์มาที่สำนักงานกกต. อ้างว่าเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง

โดยอยากสอบถามกกต.ว่า ทำไมถึงนำเรื่องของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มาพิจารณาตอนนี้ ซึ่งจะจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 วันที่ 17-23 ก.ค. ที่จ.ภูเก็ต โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งการกระทำของกกต.ถือว่าไม่เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง

รายงานข่าวแจ้งว่า คณะอนุกรรมการพิจารณากรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ขอให้ตรวจสอบนายกษิต

กรณีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายกษิต ว่ามีการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ประกอบมาตรา 265 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 265 วรรคสาม ว่าด้วยการห้ามรัฐมนตรีเข้ารับสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมนั้น ผลสอบได้สรุปให้กกต.มีมติยกเลิกคำร้องเนื่องจากการถือครองหุ้นบริษัททางด่วนกรุงเทพจำนวน 100,000 บาท ของภรรยานายกษิต เป็นการถือครองหุ้นในลักษณะหุ้นกู้ จะได้ประโยชน์เฉพาะเงินปันผลเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการหรือแทรกแซงบริษัทนั้นๆได้ อนุกรรมการจึงเห็นว่าการมีหุ้นในลักษณะของหุ้นกู้ไม่ถือเป็นความผิด เพราะไม่เข้าลักษณะการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 265

กรณีดังกล่าวกกต.นัดลงมติกันวันที่ 16 ก.ค.นี้ ซึ่งต้องรอดูว่ากกต.ทั้ง 4 คน จะเห็นตามที่คณะอนุกรรมการเสนอมาให้หรือไม่ ซึ่งกกต.สามารถเห็นต่างจากที่คณะอนุกรรมการเสนอมาและอาจเสนอให้ส่งที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาอีกครั้ง เพื่อยืนยันความถูกต้องก่อนที่กกต.จะลงมติ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์