กรรม(เก่า)ที่สนธิสลัดไม่หลุด...โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

อ่านพบข่าวเล็กๆชิ้นหนึ่ง(10 กรกฎาคม 2552)ที่ระบุว่า ศาลอาญามีคำสั่งเลื่อนนัดสอบคำให้การจำเลย คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุรเดช มุขยางกูร น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ และ น.ส.ยุพิน จันทนา อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดียกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากนายสนธิ กับพวกซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ร่วมกันลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัทแมเนเจอร์ ฯ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2539-30 เมษายน 2540

เหตุที่ศาลสั่งเลื่อนคดีปเป็นวันที่ 12 ตุลาคม 2552 เพราะนายสนธิมอบอำนาจให้ทนายความ ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดโดยอ้างว่า อยู่ระหว่างพักรักษาอาการบาดเจ็บจากการผ่าตัดบาดแผลถูกลอบยิงที่ศีรษะ

หลังอ่านจบทำให้ระลึกได้ว่า เมื่อ 10 ปีก่อนเคยติดตามข่าวชิ้นหนึ่งซึ่งกลายเป็นชนัก(คดี)ติดหลังนายสนธิมาจนถึงทุกวันนี้ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมอีกด้านหนึ่งของผู้ที่สถาปนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำการต่อสู้กับระบอบทักษิณ

(นายสนธิอาจอ้างว่า ถูกเล่นงานในคดีนี้เป็นเนื่องจากถูกกลั่นแกล้งจากพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นรัฐบาลในขณะนั้น เพราะนายสนธิและหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเสนอข่าวโจมตีนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอย่างรุนแรง และสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย กำลังถูกสื่อมวลชนเปิดโปงเรื่องซุกหุ้น)

คดีดังกล่าวเริ่มจากบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล  เอนจิเนียริง จำกัด(มหาชน)หรือไออีซีค้ำประกันเงินกู้ให้กับบริษัท เดอะ เอ็มกรุ๊ป(มีนายสนธิ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหาร-บริษัทแม่ของไออีซี)ซึ่งกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย 1,198 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2539 แต่ทางไออีซีไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบซึ่งเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

อย่างไรก็ตาม นายชัยอนันต์ สมุทวณิช  ตุลการศาลรัฐธรรมนูญ(ในขณะนั้น)และเป็นประธานกรรมการไออีซีในช่วงที่มีการค้ำประกันเงินกู้ออกมาปฏิเสธว่า คณะกรรมการไออีซีไม่เคยอนุมัติให้ค้ำประกันเงินกู้ให้เดอะ เอ็มกรุ๊ป แต่ผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่งของไออีซีปลอมมติคณะกรรมการ

ขณะที่นายสุรเดช มุขยางกูร กรรมการผู้อำนวยการไออีซียอมรับกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ว่า ไออีซีค้ำประกันเงินกู้ให้เดอะ เอ็มกรุ๊ปจริง(คอลัมน์เดินหน้าชน , มติชนรายวัน25 กันยายน 2542)

ต่อมาในเดือนธันวาคม  2542 สำนักงาน ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษนายสุรเดช ต่อพนักงานสอบสวนโดยกล่าวหาว่า ปลอมหรือยินยอมให้มีการปลอมสำเนารายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัทไออีซีเพื่อลวงให้ธนาคารกรุงไทยหลงเชื่อว่า คณะกรรมการบริษัทไออีซีมีมติให้ทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้ในนามบริษัท ไออีซี เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์มาตรา 312 ระหว่างโทษจำคุก 5-10 ปี และยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานปลอมแผลงเอกสารด้วย

สำนักงาน ก.ล.ต.ตรวจสอบข้อมูลกรณีดังกล่าวเพิ่มเติม จนกลางเดือนตุลาคม 2543 (พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มถูกเปิดโปงเรื่องซุกหุ้น กันายน 2543) จึงได้กล่าวโทษ นายสนธิ  นายสุรเดช  นางสาวเสาวลักษณ์  และนางสาวยุพิน อดีตกรรมการบริษัท ร่วมกันปลอมเอกสารในการทำสัญญาร่วมค้ำประกันการกู้จำนวน 1,073 ล้านบาทให้แก่บริษัท เดอะ เอ็ม กรุ๊ปจากธนาคารกรุงไทยโดยคณะกรรมการบริษัทแมเนเจอร์ มิได้รับทราบและมิได้มีการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของบริษัทแมเนอร์เจอร์ฯ

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์มาตรา 307, 311  312 ซึ่งแต่ละกระทง ระวางโทษจำคุก 5-10 ปีและยังมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 และ 268

หลังสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษในครั้งนั้นแล้ว เรื่องราวของนายสนธิและบริษัท เดอะเอ็มกรุ๊ปในคดีนี้ก็เงียบหายไป จนนึกว่า นายสนธิหลุดจากคดีดังกล่าวแล้ว เพราะเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต้นปี 2544  เป็นยุคที่นายสนธิกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อมาอ่านข่าวพบว่า ศาลอาญาเลื่อนนัดสอบปากคำจำเลยซึ่งก็คือนายสนธิในคดีนี้ ทำให้รู้ว่า นายสนธิกำลังเผิชิญกรรม(เก่า)ที่ตนเองก่อไว้เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว

คดีนี้จะมีผลกระทบต่อสถานะของ(ว่าที่)หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ ต้องคอยดูกันต่อไป


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์