กรุงเทพฯ 7 ก.ค.- “สัก” ยืนยัน “กษิต ภิรมย์” ทำหน้าที่ต่อไปได้ หลังถูกออกหมายเรียกในคดีบุกยึดสนามบิน เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ชี้ขั้นตอนยังอยู่ในชั้นตั้งข้อกล่าวหายังมีกระบวนการยุติธรรมอีกหลายขั้นตอน แนะช่องทางอาจร้องศาลกรณีเจ้าพนักงานตั้งข้อหาเกินจริง
นายสัก กอแสงเรือง อดีต ส.ว. กล่าวถึงกรณีเจ้าพนักงานออกหมายเรียกนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในคดีบุกยึดสนามบิน
ที่ผ่านมาเคยมีการตั้งข้อหาเกินสมควร โดยเมื่อผู้ถูกกล่าวหาไปร้องต่อศาล และศาลได้วินิจฉัยลดข้อกล่าวหาลง ทั้งนี้ ในกรณีของนายกษิตไม่แน่ใจว่า เข้าข่ายเดียวกันหรือไม่ เพราะไม่ทราบรายละเอียดของข้อกล่าวหา แต่ส่วนตัวมองว่า กรณีนี้น่าจะห่างไกลจากการเป็นผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ที่พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนว่า มีมากน้อยเพียงใด
“ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าข้อกล่าวหามีความชัดเจนแค่ไหน ในชั้นนี้อยู่ในชั้นออกหมายเรียก และยังไม่ผ่านการกลั่นกรองจากศาล จึงต้องติดตามต่อไป โดยจะต้องดูว่า ที่สุดแล้วพนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องหรือไม่ และเมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการ ต้องดูอีกชั้นว่า อัยการจะเห็นตามพนักงานสอบสวนหรือไม่ เรื่องนี้จึงมีกระบวนการอีกมาก เพราะต่อให้ถึงชั้นศาล ก็ยังมีศาลอีก 3 ชั้นที่จะกลั่นกรอง ศาลชั้นต้นอาจวินิจฉัยว่าผิด แต่ศาลอุทธรณ์อาจไม่เห็นอย่างนั้น ถึงศาลอุทธรณ์จะเห็นว่าผิด ก็ยังมีศาลฎีกาที่อาจยกฟ้องก็ได้ เรื่องนี้ยังอีกนาน กระบวนการยุติธรรมมีหลายขั้นตอนที่จะกลั่นกรองเรื่องนี้” นายสัก กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีของนายกษิต ไม่ว่าจะมีผลเป็นอย่างไรจะเป็นบรรทัดฐานให้กับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่
นายสัก กล่าวว่า กรณีของนายกษิตจะไม่เป็นบรรทัดฐานของเรื่องใด เพราะแต่ละเรื่องมีข้อเท็จจริงแตกต่างกัน ผู้ถูกกล่าวหาแต่ละคนมีกรรมต่างกัน ไม่ได้ทำเหมือนกันทั้งหมด “ที่ผ่านมากรณีพันธมิตรฯ บุกล้อมทำเนียบรัฐบาล ก็เคยได้รับการวินิจฉัยบรรเทาข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าพนักงานตั้งข้อหาเกินจริง” นายสัก กล่าว เมื่อถามว่าในชั้นนี้นายกษิต ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า กฎหมายไม่มีระบุว่า นายกษิตต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีหลายคนถูกตั้งข้อกล่าวหาก็ไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ นายกษิตก็ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่.-สำนักข่าวไทย