สมัคร ผอ.กต.-กต.จังหวัดไม่ครบ เผยกลัวติดคุก-ค่าตอบแทนไม่คุ้ม

นายประวิง คชาชีวะ รองเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารจัดการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่สำนักงาน กกต. เปิดรับสมัครกรรมการการเลือกตั้งจังหวัด (กต.จังหวัด) และ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) จังหวัด เพื่อให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ กกต. จังหวัดทั้ง 71 จังหวัดได้ส่งรายชื่อ พร้อมประวัติส่วนตัวของผู้สมัครมายังสำนักงาน กกต.แล้ว เหลือเพียงจังหวัดปทุมธานี นครปฐม เพชรบุรี สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ ที่ยังไม่ได้ส่งรายชื่อมา เนื่องจากกำลังตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครในเบื้องต้น

รองเลขาธิการ กกต. กล่าวต่อว่า สำหรับยอดผู้สมัคร ผอ.กต. และ กต.เขต มีทั้งสิ้น 6,200 คน โดยแยกเป็นผู้สมัคร ผอ.กต.เขต ซึ่งตามระเบียบ กกต.ต้องเสนอชื่อผู้สมัคร ผอ.กต.เขต 3 คนต่อเขต แต่มีผู้สมัครทั้งหมดเพียง 737 คน เป็นผู้สมัครที่สมัครเพียงคนเดียว 116 เขต ผู้สมัคร 2 คน 66 เขต และผู้สมัคร 3 คน 163 เขต ส่วนผู้มาสมัคร กต.เขตที่ตามระเบียบต้องเสนอชื่อผู้สมัครทั้งสิ้น 18 คน เพื่อคัดเลือกตั้งให้เหลือ 9 คนนั้น มีผู้สมัครทั้งสิ้น 5,463 คน ซึ่งมีผู้สมัครเพียง 9 คน มี 12 เขต และมีผู้สมัครเกินกว่า 9 คนจนถึง 18 คนมี 333 เขต โดยผู้ที่มาสมัครส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ อายุเฉลี่ยตั้งแต่ 35 60 ปี และจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี

นายประวิง กล่าวอีกว่า ทางสำนักงาน กกต.ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้สมัครในตำแหน่ง ผอ.กต.เขต ทั้งสิ้น 1,200 คน และในตำแหน่งของ กต.เขต ทั้งสิ้น 7,200 คน แต่เมื่อเปิดรับสมัครไปแล้วมีคนมาสมัครเพียง 6,200 คน ทำให้ยังไม่ครบยอดที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม จะเสนอรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดเท่าที่มีให้ กกต.ชุดใหม่พิจารณา โดยระหว่างนี้สำนักงานจะตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครทั้งหมดไปก่อนว่ามีความเป็นกลาง สังกัดหรือเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะบุคคลเหล่านี้ต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างสุจริตและเที่ยงธรรม ทั้งนี้ จะนำรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดลงเว็บไซต์ของ กกต. เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ส่งข้อมูลประวัติส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครประกอบการพิจารณาในการคัดสรร ก่อนเสนอให้ กกต.ชุดใหม่เลือกอีกครั้ง

รองเลขาธิการ กกต. กล่าวต่อไปว่า การที่ไม่มีผู้สมัครเป็น ผอ.กต. และ กต.เขตนั้น เนื่องจากอาจเกิดความกลัวว่าเมื่อเข้ามาจัดการเลือกตั้งแล้ว อาจถูกร้องเรียนว่าจัดการเลือกตั้งไม่เป็นกลางจนถึงขั้นถูกฟ้องร้องในชั้นศาล และเมื่อขึ้นศาลแล้วก็กลัวว่าจะไม่มีคนมาช่วยเยียวยาหรือไม่มีคนเข้ามาช่วยดำเนินการสู้คดี อีกทั้งการเข้ามาจัดการเลือกตั้งก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ใช่อาชีพที่ยั่งยืน ประกอบกับค่าตอบแทนก็น้อย บางเขตไม่คุ้มค่ากับการเดินทาง ซึ่งในอนาคตสำนักงาน กกต. จะเสนอต่อ กกต.ชุดใหม่ เพื่อปรับค่าตอบแทนให้มากขึ้น

นายประวิง กล่าวด้วยว่าในส่วนของ กทม.มีผู้สมัคร ผอ.กต. และ กต.เขตครบทุกเขต แต่จำนวนผู้สมัครไม่ครบตามจำนวนที่ตามระเบียบกำหนดเอาไว้ ซึ่ง กทม.เองจะเสนอเท่าที่มี และจะเปิดรับสมัครเพิ่มหรือไม่นั้นก็เป็นอำนาจของ กกต.ชุดใหม่ หากต้องการให้สรรหาเพิ่มก็สามารถดำเนินการได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีบุคคลมาสมัครเพิ่มหรือไม่ เพราะประชาชนเกิดความเกรงกลัวว่าหากดำเนินการจัดการเลือกตั้งไปแล้วถูกฝ่ายการเมืองร้องเรียนก็อาจจะต้องถูกจำคุก เห็นได้จาก กกต.ชุดเก่าที่แม้จะดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่างแต่ก็ถูกดำเนินคดีมาแล้ว