เป็นความอลหม่านเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
หลังจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าล็อคแขน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี "นายใหญ่" ตัวจริงเสียงจริงของพรรคเพื่อไทยประกาศกลางงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ เลือกตั้งซ่อม 2 เขตใน จ.สกลนครและ จ.ศรีสะเกษ
โดยงานนี้ทำเอาน้องสาวคนเล็กของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งตกใจและไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ สำหรับเรื่องการปรับเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่ถูกมองว่าเป็นแค่ "หัวหน้าพรรคขัดตาทัพ" นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น
เพราะที่มาผ่านรายชื่อ "แคนดิเดต" ว่าที่หัวหน้าพรรคหลายสิบรายชื่อถูกโยนขึ้นมาเช็คกระแสตอบรับจากสังคม ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา คนที่ 2 พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา หรือแม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม และ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ร่วมเป็นหนึ่งในแคนดิเดตด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติรายบุคคลแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่มีความเป็นไปได้ในการถือธงนำพรรคเพื่อไทยในอนาคต
เริ่มที่ พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่ที่ประชาชนและสมาชิกพรรคเพื่อไทยให้การยอมรับและเห็นด้วยกับแนวคิดสมานฉันท์ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณยังเคลือบแคลงในความหวานเจี๊ยบของ "บิ๊กจิ๋ว" ที่ยังมีความสัมพันธ์กับผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญอยู่
ดังนั้น ความเป็นไปได้ที่จะเชิญ พล.อ.ชวลิตมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคภายใต้สภาวการณ์ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องต่อสู้กับระบอบอำมาตย์จึงมีความเป็นไปได้ที่น้อยมาก
ถัดมา นายเสนาะ แกนนำภาคกลางส่วนหนึ่ง นำโดย นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา และประธานวิปฝ่ายค้าน พยายามทาบทาม "ป๋าหนาะ" ให้รับตำแหน่ง เพื่อผลักดัน "รัฐบาลเพื่อชาติ" ขึ้น แต่ติดปัญหาจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ให้การยอมรับเท่าที่ควร โดยเฉพาะประเด็นที่ "ป๋าเหนาะ" เคยขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อว่า "นายใหญ่" มาแล้ว
และยังมี "ปม" บาดหมาง กับ ร.ต.อ.เฉลิม สมัยนั่งเสนาบดีคลองหลอด และพรรคความหวังใหม่
มาที่ ร.ต.อ.เฉลิม แม้จะสร้างผลงาน "ชิ้นโบว์แดง" ในการนำชัยชนะมาสู่พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งซ่อม จนสามารถซื้อใจ ส.ส.อีสานได้ทั้งหมด
แต่ด้วยบาดแผลวีรกรรมในอดีตของตัวเองและของลูก ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้รับการตอบรับจากสังคมในเรื่องภาพลักษณ์เท่าที่ควร
รวมไปถึงไม่ได้รับการยอมรับจากแกนนำพรรคเพื่อไทย ซีกสายตรง "นายใหญ่" อีกด้วยทำให้ถนนการก้าวสู่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ถือว่ามาแรง คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ น้องนุชคนสุดท้องในตระกูลชินวัตร ได้รับการสนับสนุนจากส.ส.ให้นั่งเก้าอี้นี้มากที่สุดในบรรดาแคนดิเดตทั้งหมด
นอกจากจะเป็นผู้ถือกระเป๋าสตางค์ของพรรคตัวจริงเสียงจริง และเป็นบุคคลที่ "นายใหญ่" ให้ความเอ็นดูมากที่สุดในบรรดาพี่น้องแล้ว ยังมีความคล่องแคล่วในเรื่องการประสานงาน
จนมีข่าววงในว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเจรจาการเมืองกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการรัฐบาล และ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. มาแล้ว
แต่ปัญหายังติดอยู่ที่ตัว "ยิ่งลักษณ์" เองที่ยังอยู่ในอาการ "กล้าๆ กลัวๆ" กับการเมือง รวมถึงกระแส "ยี้" ของคนในสังคมในฐานะคนในตระกูลชินวัตรด้วย
คนสุดท้าย พล.ต.อ.ประชา ชื่อชั้นของ "พญาอินทรีอีสาน" คนนี้ เป็นที่ยอมรับของสังคมมากที่สุด และที่ผ่านมาหลังจากพ่ายเสียงโหวตนายกรัฐมนตรีให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไป
พล.ต.อ.ประชา ไม่ได้แค้นเคืองหรือน้อยอกน้อยใจพรรคเพื่อไทยแม้แต่น้อย และยังคงร่วมกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด
ล่าสุด ถึงกับลงทุนขับเครื่องบินส่วนตัวไป จ.สกลนคร ช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้งในทางลับ จนได้รับชัยชนะมาครอง
คำตอบสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ต้องจับตาดูกันจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งทั่วไป จะมีความชัดเจน
แต่แกนนำเพื่อไทยวิเคราะห์ว่า รายชื่อทั้งหมดที่ปรากฏเป็นข่าวเป็นเพียง "ตัวหลอก" ให้ฝ่ายตรงข้ามไขว้เขวเท่านั้น
เพราะตัวจริงเสียงจริงของหัวหน้าพรรคคนใหม่ จะต้องมีคุณสมบัติที่สามารถเทียบชั้นกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันให้ได้