 |
ปฏิบัติการ "แขวน" ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยเกิดมาแล้ว หลังปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 กับการย้ายมือไม้ระบอบทักษิณ โดยเฉพาะผู้ที่คุมหน่วยงานความมั่นคง เข้ากรุชุดใหญ่
อาทิ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย อดีต ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และให้ พล.ท.ไวพจน์ ศรีนวล ผบ.ศรภ.ในขณะนั้นมาแทน
แต่ปลายรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ "พล.ท.ไวพจน์" ก็โดนแขวนกลับกองทัพอีกครั้ง ฐานสวมหมวกสองใบ เป็น สนช. แต่วิจารณ์การแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลเละเป็นโจ๊ก
รายต่อมา คือ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. พี่ชาย "คุณหญิงพจมาน ชินวัตร" และ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อน นรต.26 ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ"
ทั้งหมด ภายใต้สโลแกน ตัดรากต้องถอนโคน
ไม่แปลก ถ้า "พล.ท.สุรพล" จะโดนเข้าอีกคน
เพราะ "พล.ท.สุรพล" เป็น ตท.10 ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาฯสมช. ในรัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" เพราะ "สมัคร" ต้องการปรับเปลี่ยน "พล.ท.ศิรพงษ์ บุญพัฒน์" เลขาฯสมช. ที่ตั้งโดย "พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์" ออก เพื่อง่ายต่อการการควบคุมสั่งการ สมช.
เป็นการกำจัดหอกข้างแคร่ เพราะตำแหน่งเลขาฯสมช. มีความสำคัญใกล้ชิดข้อมูลด้านความมั่นคง เรียกได้ว่า รู้ลึก รู้ดี พอๆ กับคนเป็นนายกฯ
ผลจากการพลิกขั้ว "พรรคประชาธิปัตย์" ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงย่อมนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ช่วงต้นรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" มีความคิดแขวน "พล.ท.สุรพล" มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มี "นกรู้" กระซิบ ว่าอย่าเพิ่งไปแตะ
เพราะการเข้ามารับตำแหน่งของ "พล.ท.สุรพล" มีข้อตกลงเป็นสัญญาใจ เรื่องการสับเปลี่ยนตำแหน่งกันอยู่ และอาจสะท้อนภาพการรังแกข้าราชการได้
ขณะที่ "พล.ท.สุรพล" เอง ก็รู้สัญญาณ และพยายามทำตัวให้เรียบร้อยที่สุด
แม้รอดมาได้หวุดหวิด แต่ความไม่ไว้วางใจยังคงอยู่
แกนนำหลายคนในรัฐบาล บ่นเซ็งแซ่ ไม่ขอไว้ใจหากปล่อยให้ "หอกข้างแคร่" นั่งในตำแหน่งสำคัญ
ความไม่ไว้ใจ สะท้อนผ่านการทำงานด้านความมั่นคงของ "อภิสิทธิ์" ที่เลือกใช้บริการ สมช.น้อยมาก
แม้การเรียกผู้บัญชาการเหล่าทัพมานั่งประชุม วิเคราะห์-ประเมิน สถานการณ์ด้านความมั่นคง ทั้ง ปัญหาภาคใต้ ตลอดจนการชุมนุมทางการเมือง
ก็เลือกใช้ตึกไทยคู่ฟ้า แทนที่จะมานั่งหัวโต๊ะประชุมที่ สมช. ซึ่งตามโครงสร้าง สภาความมั่นคงแห่งชาติ มีนายกฯเป็นประธาน มี ผบ.เหล่าทัพเป็นกรรมการอยู่แล้ว
เวทีความมั่นคงบนตึกไทยคู่ฟ้า จึงเรียกใช้เลขาฯสมช. แค่เป็นไม้ประดับ แถมบางนัด ก็ไม่ได้เรียก
ซ้ำผู้ที่ทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ต่อนายกฯ มีแต่หน้าเดิมๆ เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หรือจะมีบ้างก็เป็นหน่วยข่าวที่ไว้ใจ
นอกจากปัญหาทางการเมืองแล้ว ปัญหาโครงสร้าง การข้ามห้วยมาจากกองทัพ และยังเป็น ตท.10 จึงทำให้ "พล.ท.สุรพล" มีปัญหาทำงานไม่เข้าขากับข้าราชการประจำใน สมช. ประเภท นายไปทาง ลูกน้องไปทาง งานของ สมช.จึงไม่โดนเด่น
สำหรับพันธกิจหลักของหน่วยงานด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงอย่าง สมช. หากเทียบกับกระทรวงโฮมแลนด์ของสหรัฐอเมริกา หรือ หน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐ ที่ได้รับความยอมรับในระดับสากล
งาน สมช.ของไทยมีฐานที่กว้างและสำคัญมาก นอกจากจะดูแผนงานความมั่นคงแห่งชาติในวงรอบ 4 ปี แล้ว ยังต้องดูงานหนัก ทั้งความไม่สงบในภาคใต้ ภัยภิบัติ สัญชาติ หลบหนีเข้าเมือง แรงงานต่างด้าว ข่าวกรอง และการวางยุทธศาสตร์ความมั่นคงในมติต่างๆ ฯลฯ ที่กำลังเป็นปัญหารุมเร้ารัฐบาลในขณะนี้
กอปรกับการเมืองที่ล่วงล้ำเข้ามาในแดน สมช.มากเกินไปในช่วงหลัง ทำให้การบริหารงานไม่ปะติดปะต่อ
ต่างกับยุคอดีตที่ สมช.เรืองอำนาจ อดีตเลขาฯสมช.หลายคนเป็นที่โจษจัน เป็นตำนาน
อย่าง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กูรูด้านข่าวกรองความมั่นคง ฉายา "ซีไอเอเมืองไทย" ที่คุม สมช.ยาวนานประทั่งปี 2529 ตัดสินใจลาออกมาเป็นเลขาธิการนายกฯ "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ในรัฐบาล "เปรม 5"
หรือแม้แต่ อดีตเลขาฯคมช. อย่าง "พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล" ที่เชี่ยวชาญทั้งงานความมั่นคง และงานการเมือง แบบไม่ต้องอธิบาย
สุดท้ายก็อย่าแปลกใจ หากพ้นยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ไปแล้ว จะได้เห็นเลขาฯสมช.หน้าใหม่ เพราะไม่มีใครไว้ใจใคร
แต่หากจะแก้ปัญหา โดยการสั่งย้ายลูกเดียว ก็อดห่วงการพัฒนาของหน่วยงานไม่ได้
เพราะสภาพ "รัฐบาลประชาธิปัตย์" ตอนนี้ มีอำนาจบริหาร มีหัว แต่ไม่มีตัว ไม่ต้องถึงขั้นวางยา หรือใส่เกียร์ถอยหลัง เพียงแค่ข้าราชการใส่เกียร์ว่าง ก็ปวดหัวแล้ว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
