พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะการเลือกตั้งซ่อม 2 สนามอย่างท่วมท้น ทั้งสกลนคร เขต 3 และศรีสะเกษ เขต 1 เป็นการชี้ว่ากระแส "ทักษิณฟีเวอร์" ผ่าน "โฟนอิน" ยังมาแรงในภาคอีสาน
"ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" น้องชาย "เนวิน ชิดชอบ" แกนนำพรรคภูมิใจไทย อธิบายถึงความพ่ายแพ้ของพรรคภูมิใจไทยว่า "แพ้แค่ศึก ยังไม่ได้แพ้สงคราม" พร้อมกับมองไปข้างหน้า บอกให้รอผลการเลือกตั้งซ่อมใหญ่ หากมีการสอย ส.ส.ถือหุ้นสัมปทานอีกนับ 40 รายก็แล้วกัน
แต่ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับ "แพ้เลือกตั้งซ่อม" กลับน่าสนใจยิ่งกว่า เพราะรู้กันดีว่าไม่ว่าแพ้หรือชนะศึกเลือกตั้ง ล้วนมีผลต่อ "การตัดสินใจ" ของบรรดา ส.ส.อีแอบทั้งหลาย เพราะมองกันว่า หากภูมิใจไทยชนะ จะเกิดบรรยากาศ "เขื่อนแตก" ของ ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย ไหลเข้าซบภูมิใจไทย
เมื่อพ่ายแพ้เลือกตั้งเช่นนี้ ย่อมเกิดปฏิกิริยาผกผัน แทนที่เขื่อนจะแตก น้ำไหลนองมาหา กลับกลายเป็นว่า "เลือดเทียม" ที่อยู่ในภูมิใจไทยกำลังจะไหลย้อนกลับไปหา "เพื่อไทย เป็นกระแสตีกลับเพราะกลัว "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ??
ไม่เพียงแต่ ส.ส.ที่ "กลับลำ" เปลี่ยนใจ โดยอ้าง "กระแสโฟนอิน" แรงแบบนี้ หากมาใช้โลโก้ "เพื่อนเนวิน" มีหวังเลือกตั้งครั้งหน้าสอบตกนั่งตบยุงนอกสภาแน่นอน ...หลายคนจึงไม่กล้าย้ายพรรค
พร้อมกันนี้ บรรดาแกนนำแนวร่วมพรรคภูมิใจไทย อย่าง "สมศักดิ์ เทพสุทิน" แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ที่เคยทิ้งฟอร์มเพื่อมาสร้างภาพ "กลมเกลียว" กับเพื่อนเนวิน ด้วยการเกี่ยวก้อยกันขอคะแนนในศึกเลือกตั้งซ่อม ด้วยเพราะในสถานการณ์คับขันแบบนี้ หากกลุ่มมัชฌิมายังหวังจะ "แยกเรือน" ไปสร้างพรรคใหม่ อาจจะสิ้นลายหมดสภาพไม่ต่างจาก "มัชฌิมาธิปไตย" เดิมก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี สำหรับ กลุ่มมัชฌิมา หนทางอาจจะไม่ตีบตันเหมือนกับคนอื่นๆ เพราะในห้วงที่ผ่านมา "สมศักดิ์" ไม่เคยเปิดศึกถล่มพรรคเพื่อไทย ซึ่งเปรียบเหมือนรังเก่าเลย วาจาดุเดือดที่เคยทำก็มีเพียงการแถลงโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ !!
ดังนั้นหาก "สมศักดิ์" จะนำคณะกลุ่มมัชฌิมากลับไปซบ "นายใหญ่" จึงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเพื่อนซี้ของ "สมศักดิ์" ที่ชื่อ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" ยังสามารถต่อสายถึง "นายใหญ่" ได้ เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยต่อสายขอเก้าอี้ ให้ "เจ๊เป้า อนงค์วรรณ เทพสุทิน" คนข้างกายของนายสมศักดิ์มาแล้ว
ส่วน ส.ส.เพื่อแผ่นดิน กลุ่มบ้านริมน้ำ ของ "สุชาติ ตันเจริญ" ที่มาร่วมประชุมกับ ภูมิใจไทย ยังคงเป็นเกาะกลุ่มเหนียวแน่นที่ "พรรคเพื่อแผ่นดิน" แต่หากเกิดสถานการณ์พลิกผัน ส.ส.กลุ่มนี้ก็กลับไปอยู่มุ้งเดิมได้ไม่ยาก พอๆ กับ "กลุ่มสรอรรถ กลิ่นประทุม"
ด้าน "อนุทิน ชาญวีรกูล" เจ้าสัวใหญ่แห่งซิโนไทย นายทุนคนสำคัญของภูมิใจไทย ณ วันนี้ ก็ยัง "เนื้อหอม" ถึงแม้ว่า "ชวรัตน์ ชาญวีรกูล" ผู้เป็นบิดา จะนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่หากวันใด 2 พ่อลูกถูกบีบคั้นจิตใจ กับพฤติกรรม "หยิ่งผยอง" ของแกนนำสำคัญของคนในพรรคเดียวกัน ก็อาจเก็บกระเป๋าหาบ้านใหม่อยู่
และเมื่อถึงวันนั้น นอกเหนือจากญาติพี่น้องแล้ว "เนวิน" จะเหลือ "มิตรแท้" อยู่ข้างกายกี่ชีวิต ??
ข้อกล่าว "ทรยศ-เนรคุณ" ยังตามรังควาญ และเป็นปมที่ถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตีอยู่ทุกครั้ง ที่ "เนวิน" เคลื่อนไหว
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีกระแสข่าวว่า ในที่สุดแล้ว "เนวิน" จะถูกโดดเดี่ยว !!