พท.ซัดมาร์คสับสนยื่นค้านขึ้นทะเบียนพระวิหารมรดกโลก ชี้กำลังนำปท.เข้าสู่สงคราม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน

ถึงแนวทางคัดค้านการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกต่อที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ประเทศสเปน จนทำให้รัฐบาลกัมพูชาออกมาแสดงความไม่พอใจว่า ในส่วนของการประชุมกรรมการมรดกโลกคงดำเนินไป และเป็นการตัดสินของกรรมการมรดกโลก เมื่อถามถึงกรณี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ท้วงติงแนวทางการคัดค้านว่าควรใช้ช่องทางการทางทูตจะนุ่มนวลกว่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกอย่างมีตัวองค์กร คือคณะกรรมการมรดกโลกจะมีตัวกำหนดกติกาขั้นตอนการทำงาน มติเมื่อปี 2551 ระบุว่าต้องทำอะไรอย่างไรก็ต้องติดตามดูเท่านั้นเอง เมื่อติดตามแล้วเรามีความเห็นยังไม่ตรง ก็แสดงความคิดเห็น ทุกอย่างเข้าสู่ที่ประชุม ตนคิดว่าได้ทำหน้าที่ของเรา เป้าหมายของเราเพื่อต้องการไม่ให้ปัญหานี้มาเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ ในขณะที่เรามีกลไกในการเจรจาแก้ปัญหาเรื่องเขตแดนกันอยู่ และเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน รัฐบาลได้รับรองบันทึกการประชุมการเจรจาเพื่อเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราาฎรในเดือนสิงหาคมนี้


เมื่อถามว่า ที่คัดค้านเพราะไม่อยากให้องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) มายุ่งใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลักที่ตกลงกับกัมพูชาไว้ คือ ระหว่างที่ยังไม่จัดทำเรื่องเขตแดน

ไม่ควรที่จะมีฝ่ายใดไปดำเนินการอะไรในพื้นที่ เพราะจะกระทบ ที่จะต้องมาช่วยกันดูว่าจุดแดนเขตแดนอยู่ตรงไหน สิทธิตรงไหนเป็นของใคร เป็นหลักที่ปรากฏในบันทึกความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ซึ่งในส่วนของการเป็นมรดกโลกก็ชัดเจนว่าเรากำลังเข้าไปสู่ขั้นตอนที่จะต้องมีคนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ตรงกับเจตนารมณ์ตรงนั้นเท่านั้นเอง เมื่อถามว่า แสดงว่ารัฐบาลไทยยังยึดตามบันทึกข้อตกลงไทย-กัมพูชา เมื่อปี 2543 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งสองประเทศยึด สมเด็จฯฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา คุยกับตนบอกว่าเรามีข้อตกลงนี้อยู่


"แต่ในเรื่องการสื่อสารต้องระมัดระวัง เพราะบางทีเขาอาจจะเข้าใจผ่านสื่อต่างๆ ว่าเรากำลังจะไปบอกว่าตรงนั้นเป็นของเรา ตรงนี้เป็นของเขา ซึ่งไม่ใช่ประเด็นในขณะนี้ ประเด็นของเราในขณะนี้คือการไปดำเนินการเกี่ยวกับในพื้นที่ที่มีการโต้แย้งสิทธิกันอยู่ มันทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น" นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่ามติกรรมการมรดกโลกหลังให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารที่ให้ 7 ประเทศเข้ามาบริหารจัดการร่วม เป็นสิ่งที่ไทยไม่อยากให้เกิดขึ้นใช่หรือไม่

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นปัญหามาตั้งแต่ต้น และได้ทำความเข้าใจกับกรรมการทั้ง 7 อยู่ และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็รายงานมา กระทรวงการต่างประเทศก็รับทราบและติดตามใกล้ชิด
"ผมหวังว่าที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางเยือนกัมพูชาในวันที่ 27 มิถุนาย น่าจะทำความเข้าใจและเข้าใจกันได้ด้วยดี"นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า เป้าหมายสูงสุดของไทยเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะผลักดันให้ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนร่วมกันเพื่อพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปถึงตรงนั้น

เดี๋ยวจะมีปัญหาอีกว่าตรงไหนบ้างที่จะขึ้นร่วม ตรงนี้ที่เป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน อาจจะต้องใช้เวลาอธิบายกัน ส่วนการเผชิญหน้าเราดูแลเต็มที่ และถ้ากรรมการมรดกโลกมีมติอะไรไปในครั้งนี้ คงไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องไปแสดงความคิดเห็นอะไรในเวทีนั้นอีก ถ้ามติออกมาไม่กระทบต่ออธิปไตยก็ไม่มีปัญหา


ด้าน พ.ต.ท.สมชาย แสดงความเป็นห่วงต่อท่าทีและแนวทางของรัฐบาลต่อการยื่นคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกว่า น่าแปลกใจที่นายอภิสิทธิ์เดินทางไปเยือนพบสมเด็จฯฮุน เซน

แต่ทำไมถึงไม่เจรจาเรื่องนี้โดยตรงในฐานะเพื่อนบ้านที่ดี กลับส่งนายสุวิทย์ไปยื่นคัดค้านเพราะการตัดสินการขึ้นทะเบียนมรดกโลกตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งจุดนี้ทำให้กัมพูชไม่สบายใจ อีกทั้งยังส่งนายสุเทพไปยื่นคัดค้านด้วย เชื่อว่าคงหาข้อยุติจบลงได้ยากอย่างแน่นอน   


"โดยเฉพาะล่าสุดนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ระบุว่าเกรงยูเนสโกจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารนั้น นายอภิสิทธิ์คงสับสนในเรื่องเขตแดนพื้นที่ทับซ้อนกับพระวิหาร เพราะยูเนสโกมีสิทธิเข้าไปดูแลได้เนื่องจากขึ้นเป็นมรดกโลกแล้ว ยกเว้นพื้นที่ดินทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เท่านั้น ซึ่งสมัยนั้นนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ต่อสู้มาตลอดไม่ให้กัมพูชานำพื้นที่ดินทับซ้อนไปขึ้นทะเบียนร่วมกับมรดกโลก ในที่สุดทางกัมพูชาก็ยอม เพราะไม่เกี่ยวกับตัวปราสาทพระวิหาร แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์กำลังทำให้กัมพูชา เกิดความอึดอัดและหากนำเรื่องไปร้องต่อศาลโลกตีความอาจทำให้ไทยจะต้องสูญเสียพื้นที่ทับซ้อนได้" พ.ต.ท.สมชายกล่าว และว่า นายอภิสิทธิ์กำลังดึงประเทศไทยเข้าสู่การทำสงครามที่เกิดจากความไม่เข้าใจ ทั้งที่ควรใช้ความเป็นผู้นำประเทศไปเจรจาพูดคุยโดยตรง เพื่อขอให้ร่วมขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกันสองประเทศ แต่ถึงวันนี้เชื่อว่ากัมพูชาคงไม่ยอม โอกาสเป็นไปได้ยาก ทั้งที่เรื่องดังกล่าว ควรจบในการเจรจาระดับผู้นำกับผู้นำประเทศ หรือผู้นำทางทหารทั้งสองประเทศ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งและสงครามระหว่างสองประเทศ

ด้าน พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาตรวจเยี่ยมกำลังพลในพื้นที่ จ.ศรีษะเกษ

ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา โดย ผบ.ทบ.กำชับให้ระมัดระวัง เพราะ ผบ.ทบ.เป็นห่วงการส่งกำลังทหารจากส่วนกลางของกัมพูชาเข้ามาสนับสนุนในพื้นที่จำนวนมาก ซึ่งเราต้องเตรียมกำลังให้มีความพร้อมที่สุด หากมีความจำเป็นต้องใช้อาวุธ แต่ยืนยันว่าจะไม่ใช้กำลังก่อน และไม่รุกรานใครก่อน


"ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการของกัมพูชา เขาก็ยืนยันว่าจะไม่มีการรบกัน และปฏิบัติตามข้อตกลง ในช่วงบ่ายวันที่ 25 มิถุนายน ผมจะพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา ที่ อ.ช่องจอม จ.สุรินทร์ เพื่อหารือทุกเรื่องตามแนวชายแดนทั้งยาเสพติด ค้าของเถื่อน และการปรับวางกำลัง เพื่อเตรียมพร้อมในการประชุมคณะกรรมการระดับภูมิภาคระหว่างไทยกัมพูชา ซึ่งประชุมทุก 6 เดือน ครั้งนี้เราจะเป็นเจ้าภาพที่ จ.สุรินทร์"แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว และว่า วันที่ 27 มิถุนายน คณะของนายสุเทพจะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อหารือถึงปัญหาข้อขัดแย้ง แต่ในระดับพื้นที่ผู้ปฏิบัติยังมีความเข้าใจกันดี ไม่น่ามีอะไร ยังไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะรบกัน แต่เขาไม่สบายใจที่เราจะไปคัดค้านในยูเนสโก แต่เขาก็เข้าใจกันดี

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์