มาร์คเตรียมส่งสุเทพคุยเขมรกรณีพระวิหาร

แม่ทัพภาคที่ 2 แฉ “อนุพงษ์” สั่งเตรียมพร้อมป้องกันเขมรเปิดฉากรบ ย้ำห้ามรุกรานใครก่อน

แต่ถ้าถูกรังแกตอบโต้กลับทันทีเพื่อป้องกันตัว ขณะที่โฆษก กห.ชี้ผู้ใหญ่จะไม่รังแกประเทศที่เล็ก หรือมีกำลังทหารที่น้อยกว่า ปล่อยเขาไปหากจะขู่อะไรไม่สน “นายกอภิสิทธิ์” ยันการยื่นขอเขาพระวิหาร ต่อยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ต้องยื่นขอคู่กัน 2 ประเทศคือไทยกับกัมพูชา ชี้เป็นผลดีทั้ง 2 ฝ่าย เพราะจะเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกัน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาความขัดแย้งด้วย ขณะเดียวกันเตรียมส่งรองเทพเทือก ไปเป็นกาวใจ เพื่อยืนยันว่าไทยไม่เคยคิดหักหลัง

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์”

ถึงกรณีที่ คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกของกัมพูชาว่า เรายังยืนยันในจุดยืนเดิม เนื่องจากพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร คาบเกี่ยวทั้งดินแดนของไทยและกัมพูชา ซึ่งเราอยากเห็นความสงบและความสัมพันธ์อันดี ระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่มีหลายเรื่องที่คณะกรรมการมรดกโลก หรือองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เดินหน้าดำเนินการอยู่ เราห่วงใยว่าจะเป็นตัวเร่งให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง ความตึงเครียด และการปะทะที่บริเวณชายแดน จึงได้แสดงจุดยืนตรงนี้ไป
   
นายกฯกล่าวต่อว่า การที่กัมพูชาขอยื่นเรื่องให้เขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกฝ่ายเดียว ทำให้เกิดปัญหาความตึงเครียดตามแนวชายแดนนั้น เราเห็นว่าควรจะยื่นขอคู่กัน

เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกัน จะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหามาก กว่า ส่วนความสัมพันธ์กับกัมพูชานั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเพื่อทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ประเทศไทยทำไป ทั้งหมดนั้น ไม่มีความแตกต่างจากสิ่งที่เคยพูดคุยกับกัมพูชาไว้
   
“ในเรื่องเขตแดนก็ต้องแก้ไขกันไป ตามกลไกที่ตกลงกันไว้ภายใต้สันติวิธี เพียงแต่จุดยืนที่ไทยเห็นไม่ตรงกับกัมพูชา ในเรื่องการ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่กัมพูชาประสงค์จะทำฝ่ายเดียว แต่เรามองว่าการทำเช่นนั้น จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ และเสี่ยงที่จะเร่งให้เกิดความรุนแรง หากไม่มีการบริหารจัดการเรื่องนี้ โดยคำนึงถึงความละเอียดอ่อนของปัญหาทั้งหมด ซึ่งคิดว่าตรงนี้ต้องเดินหน้าทำความเข้าใจกับกัมพูชาต่อไป” นายกฯอภิสิทธิ์เผย    

ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เตียบัน รมว.กลาโหม ประเทศกัมพูชา

ระบุพาดพิงถึงกรณีที่ตัวแทนรัฐบาลไทย จะเดินทางไปแสดงจุดยืนต่อที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ของยูเนสโก ที่ประเทศสเปนว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดในช่วงปีที่ผ่านมา ไทยไม่หารือในเรื่องนี้ เปรียบเหมือนการหักหลังนั้น ตนขอชี้แจงว่าอาจเป็นการเข้าใจผิดว่ารัฐบาลไทยได้ดำเนินเรื่องนี้ต่อยูเนสโกมาโดยตลอด อีกทั้งช่วงนี้จะเป็นการประชุมยูเนสโกที่ประเทศสเปน ไทยจึงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงจุดยืนของประเทศไทย เช่นเดียวกับที่กัมพูชาได้เคยแสดงจุดยืนของตัวเองเช่นเดียวกัน จึงมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเมื่อเจอหน้าผู้นำมิตรประเทศแล้วไม่พูดถึง  ดังนั้น เรื่องนี้จึงอยู่บนพื้นฐานของการเคารพการทำหน้าที่ของแต่ละรัฐบาล โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองให้เป็นได้ด้วยดี
   
ขณะที่ พล.ท.วิบูลศักดิ์ หนีพาล   แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ตามแนวชายแดนยังปกติดี

ทหารฝ่ายไทยและของกัมพูชายังอยู่ในจุดเดิม ไม่มีการเคลื่อนกำลัง สถานการณ์ไม่ได้ตึงเครียดจนถึงขั้นต้องใช้กำลังกัน ส่วนกรณีนายฮอ นัม ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชา ออกมาระบุว่า ได้สืบทราบมาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ได้จัดวางกำลังเตรียมพร้อม และทางเขาเองก็พร้อมที่จะสู้ พล.ท.วิบูลศักดิ์ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า กำลังของตนเตรียมพร้อมมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ใช่มาพร้อมตอนที่เกิดเหตุการณ์
   
ต่อข้อถามว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สอบถามถึงสถานการณ์อย่างไรบ้าง

พล.ท.วิบูลศักดิ์ ตอบว่า ท่านโทรฯมาทุกวันเพื่อติดตามสอบถามสถานการณ์ตามแนวชายแดน พร้อมกับได้สั่งกำชับว่า ทุกอย่าง ให้เป็นไปตามนโยบาย และให้กำลังพลผู้บังคับหน่วยทุกคน เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท โดยเน้นย้ำไม่ให้เราเป็นฝ่ายรุกรานใครก่อนเด็ดขาด แต่ถ้าหากว่าฝ่ายตรงข้ามเริ่มก่อน เรามีสิทธิที่จะตอบโต้กลับ เพื่อป้องกันตัว
   
ด้าน พล.ต.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีกัมพูชา มักจะพูดข่มขู่ไทยมาโดยตลอด

ล่าสุดประกาศ พร้อมจะสู้รบ ทำไมเราไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในลักษณะการตอบโต้ พล.ต.จิตตสักก์บอกว่า การออกมาพูดข่มขู่ประเทศที่มีกำลังน้อยกว่าประเทศของเรา เขาไม่ทำกันและไม่อยากจะทำ เพราะมันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ว่าเราเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า แต่ไปข่มขู่ประเทศที่มีกำลังน้อยกว่า ส่วนประเทศที่เล็กกว่าจะข่มขู่เราอย่างไรก็ปล่อยเขาไป.