วันนี้ (19 มิ.ย.) นายถาวร ลีนุตพงษ์ ส.ว.สรรหา หนึ่งใน 16 ส.ว.ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
มีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ จากการเข้าไปถือหุ้นในกิจการสื่อสารและกิจการของรัฐ กล่าวว่า เวลา 15.00 น. วันนี้ กลุ่มส.ว.ทั้ง 16 คน มีกำหนดนัดประชุมเพื่อหารือว่าจะดำเนินการต่อคำวินิจฉัยอย่างไร แต่ไม่ได้กังวลกับการปฏิบัติหน้าที่ ทุกคนยังคงทำหน้าที่ตามปกติ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เมื่อใดที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ กกต. แล้วค่อยมาว่ากันอีกครั้ง
นายถาวร กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาในส่วนของตนเป็นการถือหุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
หุ้นดังกล่าวมีอัตราดอกเบี้ยและจำนวนไม่มาก เคยไปชี้แจงเรื่องนี้กับ กกต.แล้ว ไม่มีเจตนาจะปิดบัง การแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ให้ข้อมูลครบถ้วน ขณะนี้ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็พร้อมจะชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ส.ว.อ่างทอง กล่าวว่า ยังติดใจคำวินิจฉัยของ กกต.
เพราะการถือหุ้นในบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด และบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด ของตนเคยชี้แจงกับฝ่ายกฎหมายของ กกต.ไปแล้ว ดังนั้นแม้ กกต. จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงได้ ขณะที่นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า รู้สึกตกใจกับคำวินิจฉัยของ กกต. แต่ก็ต้องยอมรับ ส่วนตัวหุ้นที่มีอยู่ถือโดยสามี เป็นหุ้นจำนวนไม่มาก ไม่สามารถไปแทรกแซงหรือให้คุณให้โทษกับกิจการของ ปตท.ได้ และหุ้นที่ได้มาได้มาจากผู้ใหญ่ให้เป็นของขวัญ จึงเก็บไว้เป็นขวัญถุง ส่วนหุ้นของบริษัท เทเลคอมเอเชีย หากพิจารณาจากชื่อหุ้นก็รู้แล้วว่าเป็นหุ้นเก่า ไม่ใช่หุ้นของบริษัท ทรูฯ ซึ่งตนถือมานานจนนึกว่าเป็นบริษัทของต่างประเทศด้วยซ้ำไป หากทราบว่าเป็นบริษัทเดียวกันคงขายไปแล้ว จากการหารือกับ ส.ว.บางคนที่ต้องคำวินิจฉัยของ กกต. ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเข้าข่ายขาดสมาชิกภาพได้อย่างไร และกรณีการถือหุ้นใน บริษัท ทรูฯ ส.ว.บางคนที่ถูกร้อง แต่ไม่ถูกวินิจฉัยก็ถือหุ้น บริษัท ทรูฯ เช่นกัน จึงไม่เข้าใจว่าทำไมคนหนึ่งรอดอีกคนกลับมีปัญหา แต่ก็พร้อมชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป