จตุพรซัดแกนนำรบ. ชวรัตน์แจงตามโพย...แจกไม่เลือกสี

หมายเหตุ : ส่วนหนึ่งคำอภิปรายของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน

จตุพร พรหมพันธุ์

ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลกับแนวทางออก พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท จึงได้วอล์กเอ๊าต์ออกจากห้องประชุม เพราะเห็นว่าเป็นแนวทางที่ถูกแล้ว เพราะไม่อยากให้รัฐบาลกระทำผิดไปมากกว่านี้ ที่อาจจะเหมือนกับการออกเช็คช่วยชาติที่เอื้อต่อกระกูลหนึ่งที่เป็นเจ้าของธนาคาร ดังนั้น เราจึงไม่อยากแบกรับภาระหนี้กับรัฐบาลชุดนี้ หลังจากเราวอล์กเอ๊าต์แล้วรัฐบาลก็ตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาผ่านรวดเดียว 3 วาระ ถือว่าไม่เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เคยกล่าวหารัฐบาลในอดีต การกระทำของรัฐบาลยิ่งทำให้ประเทศเสียหาย โดยเฉพาะการที่รัฐบาลเสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯ 53 ที่กระจายงบประมาณไปตามสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ

ผมรับไม่ได้กับงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ตั้งงบประมาณกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท เพราะไม่สมควรได้รับงบประมาณก้อนนี้ โดยการปฏิบัติหน้าที่ของ สตช.มีการปฏิบัติกับคนอย่างไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับกลุ่มของผมที่มีการออกหมายจับเพิ่มเติมจาก 8 คน และบางคนยังถูกออกหมายจับซ้ำกันถึงสองครั้ง ผิดกับคดีของคนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล โดยเฉพาะของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ รมว.ต่างประเทศ (นายกษิต ภิรมย์) ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาด้วยหลายคดี แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังพบว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เข้าไปเกี่ยวข้องกับงบฯหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือมหาดไทย ทั้งยังพบว่าในการไปให้ข้อมูลของนายสุเทพ ต่อคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างวันที่ 8-13 เมษายน ยังพบว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จ โดยยืนยันว่านายกฯอยู่ในรถ ซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนี้

ผมจะปล่อยให้คนที่พูดเท็จมาดูแลงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านความมั่นคงได้อย่างไรและที่สำคัญนายสุเทพยังถูก กกต.ชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงไม่อาจไว้ใจให้นายสุเทพบริหารงบประมาณได้ และในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ครม.ยังได้อนุมัติงบประมาณจำนวนมากในการจัดซื้อรถหุ้มเกราะสำหรับผู้นำของประเทศ หากเป็นผู้นำแล้วยังขี้ขลาดหวาดกลัวจะมาเป็นผู้นำทำไม ลาออกไปเลย นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติงบประมาณสำหรับตั้งกองร้อยพิเศษในการปราบปรามม็อบโดยใช้งบฯ 66 ล้านบาท อีกทั้งมีการอนุมัติงบฯในการจัดซื้ออุปกรณ์อีกเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้ผมเกรงว่าอาจจะเป็นเพราะว่า การใช้กำลังทหารปราบการชุมนุมช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมามีการใช้กระสุนจริง ต้องมีการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อจัดซื้ออาวุธ พฤติกรรมของรัฐบาลชุดนี้น่าเป็นห่วง เพราะนอกจากจะถูกทหารอุ้มเข้ามาแล้ว ยังมีกรณีกระทรวงกลาโหมจัดซื้อฝูงบินกริพเพนของกองทัพอากาศที่มีความไม่โปร่งใส มีซื้อของแพงเกินจริงกว่าประเทศอื่นๆ โดยมูลค่าจริงประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่ซื้อถึง 3.4 หมื่นล้านบาท ประเทศไทยเสียค่าโง่ไปกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

ผมจะไม่ยอมให้กองทัพทุจริตแล้วเอาความปลอดภัยของประเทศไปหากิน ซึ่งผิดกับสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เอาผักเอาผลไม้ไปแลก เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ

ชวรัตน์ ชาญวีรกูล

รมว.มหาดไทย

การจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นนั้น คณะกรรมการกระจายอำนาจปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งเกณฑ์ตามยุทธศาสตร์มีงบจำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท โดยกำหนดว่า อบต.แห่งละไม่เกิน 2 โครงการ อบจ.พื้นที่อำเภอละ 1 โครงการ แต่เนื่องจากทั่วประเทศขอมากว่า 3 หมื่นโครงการ วงเงินกว่า 8 หมื่นล้านบาท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจึงต้องตั้งกรรมการมาพิจารณา ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาเสร็จไปแล้ว 3,881 โครงการ วงเงิน 7.3 พันล้านบาท แต่เมื่อบางโครงการได้รับงบฯน้อย เพราะส่งแผนไม่ครบ ก็ต้องรอแก้ไข ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการ หากใครมีหลักฐาน ให้เอาหลักฐานมาให้ดู เพื่อดำเนินการเอาผิดโดยจะไม่สนว่าเป็นใคร วันแรกที่ผมรับตำแหน่ง ผมบอกข้าราชการกระทรวงว่า จะอยู่อย่างมีเกียรติ ศักดิ์ศรี ไม่ทำเสื่อมเสียเด็ดขาด

แต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็ขอว่าอย่าพูดให้ร้าย เพราะจะเป็นการทำลายขวัญของข้าราชการกระทรวง และยืนยันจะไม่แยกพื้นที่ของฝ่ายค้านและรัฐบาล ทั้งนี้ เมื่ออดีตเคยอยู่ด้วยกัน ใครจะรู้อนาคตจะเป็นอย่างไร การแบ่งแยกไม่เหมาะสม ต้องเอาประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง