มาร์คตรวจสุขภาพ กำชับสธ.เข้มกลุ่มเสี่ยง

เชื่อปชช.มีความเข้าใจเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ดีขึ้น แนะป้องกันตัวเอง ยอมรับการติดเชื้อมีความรุนแรง แต่อันตรายน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ทั่วๆไป...

วานนี้ (17 มิ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ได้เข้าร่วมตรวจสุขภาพและรับฟังขั้นตอนการปฏิบัติให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมรับฟังรายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อของสำนักงานกองทุนสนับสนุนและเสริมสร้าง สุขภาพแห่งชาติ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดลนำมาบริการให้แก่สมาชิกรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรี มีผลวัดความดัน 130/96 หัวใจเต้น 71 ครั้งต่อนาที ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จากนั้นสาธิตล้างมือด้วยเจล ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “มีพุงนิดหน่อย แต่ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด”ก่อนจะรับคู่มือป้องกันและหน้ากากอนามัยเพื่อนำไป ใช้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ กระทรวงสาธาร ณสุขต้องเข้มข้นให้มากขึ้นในการติดตามสถาน การณ์ สิ่งสำคัญคือเมื่อพบผู้ติดเชื้อแล้วต้องดูแลอย่างถูกต้อง และเราต้องไม่ไปอยู่ในพื้นที่ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดต่อเนื่องขึ้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มอบแนว ทางให้โรงพยาบาลต่างๆจับตาคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด คือ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่ป่วยเป็นโรคอื่น เวลาที่เกิดเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคดังกล่าวดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญ คือ

ประชาชนป้องกันตัวเอง เหมือนการเป็นไข้หวัดปกติ สำหรับคณะแพทย์จะดูแลกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ สำหรับการทำความสะอาดสถานที่หน่วยงานราชการนั้นได้กำชับไปแล้ว ทั้งสถานศึกษา สถานประกอบการ ต้องช่วยกันดูแลว่า ดีที่สุดคือ ถ้าใครมีอาการอย่าไปทำงาน อย่าไปโรงเรียน หรือสถานที่สาธารณะ และรีบไปพบแพทย์ ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมองได้ว่ารัฐบาลล้มเหลวในการป้องกันหรือเฝ้าระวังโรค

นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า

โรคนี้คนที่ติดเชื้อในช่วงแรกไม่มีอาการ ดังนั้นการตรวจสอบอาการจะให้เป็นไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ยาก จะเห็นว่า ประเทศที่มีขนาดใกล้เคียงกับประเทศไทย หลายประเทศจะเป็นไปลักษณะเดียวกัน และจะมีระยะหนึ่งที่ตัวเลขพุ่งขึ้นรวดเร็ว ดังนั้นเราจะไม่ประมาท แต่ละวันขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อนข้างเพิ่มขึ้นในปริมาณใกล้เคียงกันอยู่ ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าในช่วงเดือนก.ค.จะมีผู้ติดเชื้อสูงสุดนั้น เราปฏิบัติตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการจำกัดการเดินทางนั้นทางองค์การอนามัยโลกไม่ได้แนะนำให้มีจำกัด การเดินทาง ยอมรับว่าการติดเชื้อมีความรุนแรง แต่อันตรายน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ทั่วๆไป.