ลับ ลวง พรางมัสยิดไอปาแย วัดใจอภิสิทธิ์-สุเทพ-อนุพงษ์

เมื่อ "ไฟใต้" ที่ลุกโชน ลามมาถึง "ตึกไทยคู่ฟ้า" ทำเนียบรัฐบาล จนยากเกินดับได้ดั่งใจ

เพียงแค่ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2552 เหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ระอุ

ในช่วงดังกล่าว มีครูถูกสังหารไปแล้ว 4 คน ได้รับบาดเจ็บ 5 คน ชุดคุ้มครองครูถูกโจมตี 6 ครั้ง มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 15 นาย

เกิดเหตุการก่อวินาศกรรมย่านธุรกิจ 11 จุด กลางเมืองยะลา เหตุระเบิดคาร์บอมบ์กลางอำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 19 ราย

แต่ที่สะเทือนขวัญ และสร้างแรงกระเพื่อมมากที่สุด คือ

เหตุบุกกราดยิงชาวมุสลิมเสียชีวิต 11 ศพ ถึงในมัสยิด ที่บ้านไอปาแย ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส

และเหตุอาวุธสงครามยิงใส่พระสงฆ์ขณะออกบิณฑบาต บนทางหลวงสาย 418 คลองขุด-ท่าสาป หมู่ 5 ตำบลยุโป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มรณภาพ 1 รูป บาดเจ็บสาหัส 1 รูป

แต่ผลจากเหตุการณ์กลับน่าห่วงยิ่งกว่า เพราะไม่ว่าลักษณะเหตุการณ์อย่างไร ก็ถือว่าเข้าทางกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่เดินหน้าระดมปลุกปั่นประชาชนในพื้นที่อย่างหนักหน่วงแล้วในเวลานี้

จากเหตุสังหารภายในมัสยิดบ้านไอปาแย กลุ่มก่อความไม่สงบ ใช้ทั้งใบปลิวและการบอกเล่าปากต่อปากป้ายสีว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะมุสลิมไม่มีทางทำร้ายศาสนสถานของพระผู้เป็นเจ้า

ทำให้หน่วยงานความมั่นคงต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจไล่หลังไปติดๆ

จากคำสัมภาษณ์แบบตรงกันของ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกฯด้านความั่นคง และ "พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" ผบ.ทบ. ยืนยันตรงกันว่าไม่ใช่ฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ

"พล.อ.อนุพงษ์" แถมให้อีกว่า จากร่องรอยปลอกกระสุนที่ก่อเหตุที่มัสยิด บ่งบอกว่าตรงกับกรณีการก่อเหตุของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่อื่นก่อนหน้านี้

สองเสียงประสาน ตีประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐตกกระเด็น แต่ทว่าในพื้นที่ยังเคลือบแคลงประเด็นดังกล่าวอยู่ไม่น้อย

ส่วน "อภิสิทธิ์" ไม่ออกตัวปฏิเสธ แต่กล่าวในทำนองยืนยันรัฐบาลไม่มีนโยบายให้กลับไปใช้ความรุนแรง และเร่งรัดหาตัวผู้กระทำความผิด โดยอาศัยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุด

ปัญหาการจัดการมวลชนหลังเหตุการณ์ เป็นเรื่องท้าทายทุกครั้ง นับตั้งแต่เหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ และเหตุการณ์ที่ สภ.ตากใบ

สถานการณ์ขณะนี้ในพื้นที่ ฝ่ายความมั่นคงถึงกับนึกถึงคุณพระคุณเจ้าว่า ถ้ากลุ่มก่อความไม่สงบเลือกเป้าหมายกระทำแต่ชาวมุสลิม คงได้กุมขมับกันมากกว่านี้

รวมไปถึงความอึดอัดใจของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เอง "พีรยศ ราฮิมมูลลา" ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ระเบิดแตก ให้สัมภาษณ์อัดการทำงานแบบวันแมนโชว์ของ "ถาวร เสนเนียม" รมช.มหาดไทย และการให้สัมภาษณ์ชี้นำการสอบสวนของ "สุเทพ" ที่เหมือนการหาเสียงในมัสยิด

สะท้อนในมุมการแก้ปัญหา "สะตอ" หาได้เป็นฝักเดียวกัน

และจะไม่มีทางมองทางออกตรงกันได้ หากแต่ละฝ่ายไม่ทำใจ ยอมรับความจริง

เหตุการณ์สังหารภายในมัสยิดบ้านไอปาแย มีความลึกลับซับซ้อนต่างจากเหตุการณ์อื่นๆ

เฉกเช่นทุกครั้ง เมื่อเกิดเหตุ ฝ่ายรัฐมักกดทับเหตุการณ์ไว้ ไม่ให้ออกจากรูปแบบเดิมๆ คือ เป็นฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบ

ปิดประตูตาย ทั้งที่มีอัตราส่วนไม่น้อยที่มาจากมูลเหตุอื่น ทั้งการล้างแค้นส่วนตัว อาชญากรรม ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล ค้าของเถื่อน และการจัดการงานนอกสั่ง ฯลฯ

ทั้งหมดถูกตั้งคำถามไปถึงหน่วยงานความมั่นคง ถึงการทบทวนงบประมาณมหาศาล ที่จัดสรรลงพื้นที่ปฏิบัติการในเชิงยุทธการ ที่ไม่ได้มีผลต่อสถานการณ์

กรณีมัสยิดบ้านไอปาแย จึงด่วนเชื่อฝ่ายใดไม่ได้เลย เพราะก่อนหน้านั้น ในพื้นที่ เกิดเหตุความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มก่อความไม่สงบกับกองกำลังจัดตั้ง ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายประจำการ ถึงขนาดมีการสังหารคนของอีกฝ่าย

ไม่รวมถึงแค้นสะสมก่อนหน้า ที่ฝ่ายก่อความไม่สงบสังหารบุคคลสำคัญ ซึ่งสร้าง "ปม" แค้นรอวันชำระความ

ในการให้สัมภาษณ์กับ "น.ส.วาสนา นาน่วม" ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคง ของ "อภิสิทธิ์" ในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์" มีใจความสำคัญต่อเหตุการณ์นี้

"ตราบเท่าที่ยังจับตัวพิสูจน์ไม่ได้ ไม่ควรสรุป สิ่งที่ยืนยันได้ คือ รัฐบาลและหน่วยงานหลัก ไม่มีใครมีนโยบายที่จะให้ไปทำอะไรอย่างนี้ ส่วนคนที่ไปทำ สถานะเป็นอะไรสุดแล้วแต่ ก็เป็นเรื่องของคนคนนั้น เราต้องจับมาลงโทษ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นอะไร"

หากผู้หลักผู้ใหญ่ยังกดทับความจริงกันอยู่ แนวทางพัฒนาก็สูญเปล่า ไฟใต้ยังโชติช่วงอยู่ต่อไป...


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์