คมชัดลึก :“เสรีพิศุทธ์”แฉถูกปล้นตำแหน่งผบ.ตร. เตรียมฟ้องกลับขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้ พร้อมโต้ข้อกล่าวหาที่ถูกตั้งกก.สอบวินัย บรรดากลุ่มเพื่อนเสรีแห่ให้กำลังใจ ขณะที่อาจารย์หนู กันภัย เกจิชื่อดังแจกตะกรุดให้ผู้เข้าร่วมงาน
(16มิ.ย.) ที่ห้องโมเน่ ชั้น 4 โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ สยามสแควร์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
แถลงข่าวเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงที่ถูกมรสุมทางการเมืองเล่นงานระหว่างดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. และถูกปลดให้พ้นตำแหน่งในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อกล่าวหาฉกรรจ์อีกหลายข้อกล่าวหา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในห้องแถลงข่าวดังกล่าว ปรากฏว่ามี “กลุ่มเพื่อนเสรี” ประมาณ 200-300 คน เดินทางมาร่วมให้กำลังใจอย่างแน่นขนัดเต็มห้องแถลงข่าว โดยมีอาจารย์หนู กันภัย เกจิชื่อดังในทางสักยันต์เดินทางมาร่วมงาน และแจกจ่ายตะกรุดให้แก่ผู้ร่วมงานด้วย นอกจากนี้ยังมีนายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาร่วมให้กำลังใจด้วย ขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เดินทักทายผู้มาร่วมให้กำลังใจภายในห้องดังกล่าวอย่างเป็นกันเอง
ต่อมาเวลา 10.39 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เริ่มแถลงว่า วัตถุประสงค์ของการแถลงในวันนี้ไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลัง ไม่มีอะไรเคลือบแฝง
แต่เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช ได้ทำอะไรกับตนไว้บ้าง ปัจจุบัน บ้านเมืองไม่ได้มีแค่การปล้นเอาทรัพย์สิน แต่ปล้นเอางบประมาณมากมาย แม้กระทั่งตำแหน่งก็ไม่ใช่แค่การซื้อขาย แต่เป็นการปล้นกันเลยทีเดียว ถ้ารอซื้อ ตำแหน่งก็ไม่ว่าง สู้ปล้นเอาทีเดียวเลยดีกว่า
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เบื้องลึกเบื้องหลังการปล้นตำแหน่งผบ.ตร.ที่เคยดำรงตำแหน่งนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551
ขณะนั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภาคใต้ ได้รับข่าวจากสื่อว่า นายสมัครออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัย นับเป็นความเลวร้ายที่สุดที่เคยรับราชการมา เมื่อเขาคิดที่จะปล้น ก็ไม่สามารถจะไปห้ามได้ พอทราบข่าวจากสื่อ ก็รู้ได้ทันทีว่า ถูกปล้น ตนเคยเป็นจเรตำรวจแห่งชาติมาก่อน รู้วิธีการสืบสวนสอบสวน ถ้านายสมัครทำจริง ต้องทำตามกระบวนการ ซึ่งยุ่งยากซับซ้อน แต่ไม่อาจรอได้ เพราะตนจะเกษียณวันที่ 30 กันยายน เมื่อรับทราบข่าวก็ไม่ได้ตกใจ และรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าใครทำอะไร รู้ตัวว่าถูกปล้นแน่ แต่ยังทำงานต่อไป ไม่ได้ตื่นตระหนก
อดีตผบ.ตร.กล่าวต่อว่า เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ ได้รับความอบอุ่นจากประชาชนที่มารอต้อนรับ และพูดให้ประชาชนฟังว่า ไม่ต้องสนใจตนมากมาย
ปล่อยให้ตนดำเนินการด้วยตนเอง เพราะมีประสบการณ์ในการรับหน้าที่ด้วยตนเอง ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้อยู่กันอย่างสงบ ไม่ต้องเคลื่อนไหว ความจริงประชาชนอยากขับไล่นายสมัครตั้งแต่วันนั้น แต่ตนเป็นผู้ยับยั้ง ขอให้ตนได้ต่อสู้เพียงคนเดียว เพราะรู้ว่าข้อกล่าวหานั้น เสกสรรปั้นแต่ง เพื่อปล้นตำแหน่งผบ.ตร.ไปให้ผู้อื่น
"สุดท้ายดาบนั้นจะคืนสนอง ใครที่ทำกรรมกับผมไว้ ก็จะต้องได้รับกรรมนั้นร้อยเท่าทวีคูณ ผมเป็นนักต่อสู้ ต่อสู้เรื่อยไป ผมไม่เคยทราบล่วงหน้าว่านายสมัครจะมีสภาพอย่างทุกวันนี้" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว