เมื่อเวลา 09.00น. วันนี้ (16 มิ.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการที่ครม.นัดพิเศษอนุมัติเพิ่มงบ 4 พันล้าน ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นการเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยโหวต พ.ร.ก. 4 แสนล้านให้ผ่านการพิจารณาของสภา ว่า เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนตามปกติ เพราะในข้อเท็จจริงแล้วแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีการสำรองเงินไว้ 1.56 ล้านล้านบาท และมีโครงการที่ถูกกลั่นกรองโดยสภาพัฒน์และส่งมาที่กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาความพร้อมและความเหมาะสม ซึ่งพบว่ามีโครงการที่ผ่านการเห็นชอบเป็นจำนวนเงิน 1.43 ล้านล้านบาท แต่คลังได้เปิดไว้ตั้งแต่แรกว่าพร้อมที่จะพิจารณาโครงการที่เหมาะสมเพิ่ม เติมจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. เมื่อมีการเสนอ 2 โครงการนี้เข้ามาเพิ่มเติม และมีการเหมาะสม ขณะที่วงเงินสำรองยังเหลืออีกประมาณ 1 แสนล้านบาท การเสนอโครงการก็สามารถทำได้
“โครงการการท่องเที่ยวที่มีการเพิ่มโครงการเข้าไปในบัญชีการลงทุนเป็น ตัวอย่างของโครงการที่หวังผลสำหรับการต้องการลงทุนให้เต็มเม็ดเงิน 1.56 ล้านล้านบาทที่เตรียมเอาไว้ โครงการลักษณะนี้บอกได้เลยว่า ขณะนี้มีอยู่เป็นจำนวนมากบนโต๊ะทำงาน รวมเป็นมูลค่าโครงการกว่า 3 แสนบ้านบาท หน้าที่ของกระทรวงการคลังคือการกลั่นกรองโครงว่าให้ประโยชน์กับประชาชนจริง หรือไม่ ประชาชนต้องการจริงหรือไม่ นอกเหนือจากการเสนอเรื่องของทางราชการ นอกจากนี้ก็จะดูความพร้อมในขับเคลื่อนโครงการของหน่วยงานราชการ ถ้าพร้อมเราก็พร้อมที่จะพิจารณาเข้าสู่โครงการในส่วนของวงเงิน 1 แสนล้านบาทที่ยังเหลืออยู่” รมว.คลัง กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า ยืนยันหรือไม่ว่าไม่ใช่การเอาใจพรรคภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา นายกรณ์กล่าวว่า เรื่องของงบประมาณที่มีการอนุมัติไปแล้วก็มักจะมีการกล่าวอ้างว่าเอาใจคน ได้ทุกงบ
เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดมาก ขอให้วิเคราะห์ดูว่า โครงการที่ได้รับการอนุมัติไปแล้วนั้นเป็นโครงการที่สมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะในกรณีอย่างกระทรวงการท่องเที่ยว เป็นอุตสาหกรรมที่ควรได้รับการลงทุนพัฒนาหรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว รมว.คลัง กล่าวว่า สำหรับกรอบพ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาทที่ผ่านความเห็นชอบจากครม.และได้นำเสนอรัฐสภาเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาก็เพื่อความโปร่งใส โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.วงเงินไม่เกิน 2 แสนล้านสำหรับการชดเชยเงินคงคลัง ส่วนจะเป็นเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับรายได้ของรัฐจะต่ำกว่าเป้าเท่าไหร่ซึ่งต้องดู นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้รัฐจัดเก็บรายได้ดีขึ้นหรือไม่ และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้สำหรับการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ถ้าดีขึ้นรัฐบาลก็สามารถกันเงินในส่วนที่ตั้งไว้สำหรับชดเชยเงินคงคลังมาเพิ่มในส่วนของการลงทุนได้มาก โครงการลงทุนต่างๆที่เตรียมไว้เป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยมีมากนับพันโครงการ ยิ่งสามารถปันเงินมาใช้ในส่วนนี้ได้มากเท่าไหร่ก็จะเป็นผลดี
ทั้งนี้ได้แจ้งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆลงไปช่วยผลักดันโครงการต่างๆให้การ ดำเนินการเป็นไปด้วยความรวมเร็วมากขึ้น
ในภาพรวมหลังจากนี้เชื่อว่าจะคึกคักมากขึ้น เท่าที่ตนไปดูในพื้นที่พบว่าประชาชนตื่นตัวเห็นว่าโครงการที่รอคอยมานาน ไม่ว่าจะเป็นถนนหรือแหล่งน้ำ การพัฒนาโรงพยาบาล
“สิ่งที่เราจะเห็นชัดเจนหลังจากนี้ ก็คือความคักคึกทางเศรษฐกิจจากโครงการต่างๆภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาเศราฐกิจของประเทศ ได้ในระดับหนึ่ง ส่วนการใช้จ่ายเงินจะกำชับให้ดำเนินการตามแผนที่เสนอมาให้กระทรวงการคลัง พิจารณาก่อนหน้านี้ มีแผนการเบิกจ่ายชัดเจนและเดินหน้าโครงการได้ทันที และหากโครงการไหนที่ส่อเค้าว่าจะมีปัญหาความล่าช้าเจ้ากระทรวงก็จะต้องรีบไป วิเคราะห์ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และสามารถโยกงบไปใช้ทำโครงการอื่นได้เลย เพราะโครงการดีๆรอคอยอีกเยอะแต่ต้องไม่เกินกรอบวงเงินที่กำหนดไป” นายกรณ์ กล่าว
“กรณ์”ปัดทุ่มงบ4.4 พันล้านเอาใจ ภท.-ชทพ.
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!