คมชัดลึก :ศาลพิพากษายกฟ้อง คดี“หมอมิ้ง” ฟ้องหมิ่น“ปชป.-อภิสิทธิ์-สุเทพ-องอาจ” แฉทรท.จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อ 2 เม.ย. 49
(11มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.908/2549 ที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
เป็นโจทก์ฟ้องพรรคประชาธิปัตย์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา 326, 328, 332 และ 393 กรณีเมื่อวันที่ 16 มี.ค.49 นายสุเทพ และนายองอาจ ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุพบผู้บริหารพรรคไทยรักไทยอย่างน้อย 3 คนสั่งการและจ่ายเงินให้ขบวนการทุจริตเลือกตั้งโดยการให้พรรคเล็กลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.49 และกล่าวจูงใจให้ประชาชนไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
โดยจำเลยที่ 3-4 ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่า “ตรวจพบการกระทำและพยานหลักฐานที่ระบุชัดถึงขบวนการทุจริตการ…พบว่าผู้บริหารพรรคไทยรักไทยในตำแหน่งสำคัญอย่างน้อย 3 คนสั่งการในขบวนการทุจริตในการเลือกตั้งครั้งนี้…” โดยกล่าวถึงชื่อ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการ รมว.กระทรวงกลาโหม รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และนายแพทย์พรหมินทร์ ว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอยู่ในรัฐบาลระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
โดยวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าว ที่ห้องพิจารณาคดี 704
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณรอบศาลอาญาเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.2 หลายร้อยนายได้ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยเต็มที่ โดยในวันนี้เป็นวันครบกำหนดที่ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนพ.เหวง โตจิราการ แกนนนำ นปช. ต้องมารายงานตัวต่อศาลด้วย จึงมีประชาชนกลุ่มเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมาคอยให้กำลังใจ ซึ่งเมื่อนายอภิสิทธิ์ เดินทางมาถึงศาลก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร โดยนายอภิสิทธิ์ เดินเข้าไปภายในศาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 3 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้แถลงข่าวตามข้อเท็จจริงที่ได้รับฟังมา
และตรวจสอบโดยสุจริต แถลงข่าวแสดงความคิดเห็นให้ประชาชนได้รับทราบการกระทำและการทำลายประชาธิปไตยของประเทศ เพื่อเป็นการปกป้องประโยชน์ของประเทศ อีกทั้งในเวลาต่อมาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยอันเนื่องจากกระทำผิด โดยกรรมการบริหารพรรคที่ได้ว่าจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง จำเลยที่ 3 ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท และเมื่อจำเลยที่ 3 ไม่มีความผิด ดังนั้น จำเลยที่ 1,2,4 ไม่ต้องร่วมรับผิดชอบ จึงพิจารณายกฟ้อง