เทพไทยาหอมภท.ปัดจ้องจับผิด ยัน รบ.มีทีมเดียว

วันนี้ (10 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ากลุ่มแกนนำพรรคภูมิใจไทย ไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์

เพราะมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า จะจับตาการทุจริตการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนครว่า ข่าวนี้ไม่มีมูลเพราะจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีตัวตนของบุคคลที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนที่จะขยายผลเป็นประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง จึงขอชี้แจงว่า กรณีนี้ ไม่มี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์คนใดที่มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวอ้างตามกระแส ข่าวนั้น เพราะทุกคนตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของการเป็นพรรคร่วม โดยเฉพาะประเพณีการปฏิบัติที่ผ่านมาในอดีต เมื่อการเลือกตั้งซ่อมในแต่ละครั้งไม่ว่าจะในนามของพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือ พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อมีพรรคใดที่ส่งคนลงสมัครเพื่อรับเลือกตั้ง พรรคร่วมรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนรณรงค์หาเสียงให้เต็มที่

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่ารัฐบาล

ปัจจุบันมีแก็งยุค 2009 ที่กลายพันธุ์จากรัฐบาลยุคนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ว่า ที่มีแก็งออฟโฟร์ขึ้นมาในรัฐบาลยุคก่อน ซึ่งลูกพรรคของตัวเองเป็นผู้ที่ออกมาเปิดโปงและยืนยันว่ามีแก็งนี้จริง แต่การที่มาใส่ร้ายว่า รัฐบาลชุดนี้มีแก็งออฟโฟร์ด้วย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะนายกฯ ได้ประกาศชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่มีการแบ่งเป็นแก็ง เป็นพวก จะทำงานภายใต้การนำของนายกฯ ที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในชื่อทีมงานเดียวกันภายใต้ชื่อทีมไทยเข้มแข็ง ดังนั้นการกล่าวหาว่ามีผู้มีบารมีนอกสภาฯฝ่ายต่างๆนั้นเป็นเรื่องของการ จินตนาการเพื่อสร้างข่าวเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเท่านั้น  

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ยิ่งในวันนี้พรรคเพื่อไทยได้มีการประกาศแต่งตั้งรองโฆษกพรรคอีกถึง 8 คนเพื่อทำงานเป็นกระบอกเสียงให้กับพรรคเพิ่มขึ้น

ส่วนตัวอยากให้ทีมงานโฆษกพรรคเพื่อไทยเพิ่มให้ครบ 12 คน จะได้เรียกสั้นๆง่ายๆว่า ทีมโฆษกโหล และอยากให้ทำงานให้เป็นทีมเดียวกัน เพราะยิ่งมากคนก็ยิ่งมากความมากเรื่องมากประเด็น จะสร้างความสับสนให้สังคม เพราะขณะนี้สังคมไทยเต็มไปด้วยข่าวโคมลอยและไร้สาระหรือมีการปล่อยข่าวเท็จ จากพรรคเพื่อไทยมากพออยู่แล้ว แต่น่ายินดีที่ยังมี ส.ส.กล้าอาสาตัวทำงานเพื่อพรรคต้นสังกัดโดยรับตำแหน่งเป็นรองโฆษกพรรค โดยให้ ส.ส.สอบตกมาเป็นหัวหน้าทีม ตรงกันข้ามที่ตำแหน่งของหัวหน้าพรรคคเพื่อไทย กลับไม่มี ส.ส.คนใดในพรรคจะกล้าอาสาตัวเองออกมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาฯ