รัฐสภา 9 มิ.ย. – เลขานุการ รมว.กลาโหม แจงอนุกรรมการสอบสวนเหตุการณ์กระทรวงมหาดไทย รับยิงอูซี่ หวังเบนความสนใจเสื้อแดงที่รุมทุบรถนายกรัฐมนตรี เกรงเหตุบานปลาย เจ็บ-ตาย จากการปะทะ ด้านทหารแจงไม่ได้บรรจุกระสุนปลอม
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ ( 9 มิ.ย.) ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย และศาลรัฐธรรมนูญ
โดยมี นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ เป็นประธาน และเชิญ พ.ท.พงศกร อาจสัญจร ผบ.ร.1 พัน 3 เข้าให้ข้อมูลต่ออนุกรรมาธิการฯ ซึ่ง พ.ท.พงศกร ชี้แจงว่า ได้รับคำสั่งให้วางกำลังทหารรักษาความปลอดภัยแนวรั้วกระทรวงมหาดไทย เท่านั้น เนื่องจากมีกำลังน้อย และถือเป็นการป้องปรามเหตุการณ์ ส่วนปืนที่พกไม่มีกระสุน เพราะกระสุนปลอมจะอยู่ที่นายทหารระดับผู้ใหญ่ ยอมรับว่าได้ยินเสียงปืน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอาวุธปืนชนิดใด และไม่เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินขึ้นรถคันใด หรือออกจากกระทรวงมหาดไทย ทางใด
จากนั้น พ.อ.(พิเศษ) นภนต์ สร้างสมวงษ์ หัวหน้าฝ่าย เสธ. เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าชี้แจงว่า ได้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ให้รักษาความปลอดภัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อทราบว่ามีผู้ชุมนุมมาปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย ซึ่งยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี อยู่ในรถที่แล่นออกจากกระทรวงมหาดไทย และถ้ามองตามแดดจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่ามีใครนั่งอยู่ภายใน ส่วนผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่เข้ามาล้อมรถ ตนเห็นว่าไม่ใช่ม็อบ แต่เป็นฝูงชนที่ได้รับการปลุกเร้ามาพอสมควรเพื่อเข้ามาทำลายทรัพย์สินและชีวิตได้
พ.อ.(พิเศษ) นภนต์ กล่าวว่า ตนยืนอยู่ข้างนอกรถ และวิ่งตามรถนายกรัฐมนตรีไปรอบกระทรวงมหาดไทย 3 รอบ ในช่วงที่ถูกรุมทุบ เสียงดังมาก
และได้ถ่ายภาพรถที่ถูกทุบไว้ด้วย ซึ่งพบว่ากระจกรถฝั่งขวาใกล้จะแตก ดังนั้น จากประสบการณ์ทำงานมากว่า 20 ปี ได้ประเมินสถานการณ์แล้วว่า สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี หากกระจกรถแตกขึ้นมา นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี อาจถูกนำตัวออกจากรถ และอาจส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ หรือทีม รปภ. อาจเกิดการปะทะกับผู้ชุมนุมได้ ตนจึงใช้วิจารณญาณตัดสินใจด้วยตนเองยิงปืนอูซี่ ขึ้นฟ้า 4-5 นัด ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย และเพื่อเบียงเบนความสนใจของคนเสื้อแดง ก่อนวิ่งหนี ไป
“การตัดสินใจครั้งนั้น มั่นใจว่าร้อยละ 70 ตัดสินใจถูก เพราะหากปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย อาจรุนแรง ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ร้อยละ 30 ส่วนตัวคิดว่าอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด” พ.อ.(พิเศษ) นภนต์ กล่าว
นอกจากนี้ น.ส.สุกาญดา สินขจิต ผู้สื่อข่าวจากทีวีไทย ได้ให้ข้อมูลต่ออนุกรรมการฯ
โดยระบุว่า สังเกตการณ์อยู่บริเวณด้านนอกกระทรวงมหาดไทย และได้ยินเสียงปราศรัยจากแกนนำให้บุกเข้าไปภายในกระทรวงมหาดไทย เพื่อค้นหาตัวนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า นายกรัฐมนตรีอยู่ในรถที่แล่นออกมาจากกระทรวงมหาดไทย หรือไม่ เนื่องจากเกิดเหตุชุลมุน อย่างไรก็ตาม ได้เห็นชายสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำที่เป็นสัญญลักษณ์ของทีม รปภ. ยิงปืนยาวไม่ทราบชนิดขึ้นฟ้า ทำให้ผู้ชุมนุมเบี่ยงความสนใจไปที่คนยิงปืน แต่ในที่สุด คนยิงก็ได้หลบหนีไป ทั้งนี้ หลังสิ้นสุดเสียงปืน ผู้ชุมนุมตะโกนว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่จากการสังเกตบริเวณโดยรอบไม่พบเห็นผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตตามที่มีการกล่าวอ้าง.-สำนักข่าวไทย