5 ส.ส.เพื่อไทยแปรพักตร์'จุมพฎ'แสดงตัวคนแรก
5 ชีวิตเพื่อไทยเตรียมย้ายพรรค"จุมพฎ"แสดงตัวคนแรกร่วมงาน"ภูมิใจไทย"แจงไม่พอใจการทำงานของพรรค แถมผู้มีบารมีนอกพรรคบงการงานในสภามากเกินไป อัด ส.ส. เพื่อไทยทำงานไม่สมหน้าที่ผู้แทน ไม่ควรรับเงินเดือนด้วยซ้ำ ด้าน “เนวิน” วางหมากเตรียมรุกครั้งใหญ่ คิดแผนคาราวานต่างจังหวัดเดือนละครั้ง ด้าน “มาร์ค” ยันโครงการรถเมล์ 4 พันคันต้องเดินหน้า ขอเวลา 1 เดือนได้ข้อยุติเช่าหรือซื้อ ยันทุกงานพรรคร่วมรัฐบาลต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่มีใครเล่นบทพระเอกคนเดียว “ลุงจิ้น” แย้มให้รอผลการศึกษาจากสภาพัฒน์ ด้าน “ชัยสิทธิ์” หวั่นใจเลือกตั้งซ่อมสกลนครอาจมีวิชามารทำการเปลี่ยนหีบ เตรียมลงพื้นที่หาข้อมูลเล่นงาน ขณะที่ “บุญจง” ชี้ศึกครั้งนี้วัดใจประชาชนเลือกรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
“มาร์ค”ยันเดินหน้ารถเมล์แน่
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันควรจะเช่ามากกว่าซื้อว่า ขณะนี้มีคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ เสียเป็นผู้ศึกษาและจะให้คำตอบกับรัฐบาลและสังคม เราต้องตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า กระทรวงคมนาคมเสนอ ว่าอาจต้องให้มีการทำประชาพิจารณ์ นายกฯ กล่าวว่า การทำประชาพิจารณ์จะยิ่งดี เพราะมีประชาชนจำนวนมากที่อยากแสดงความคิดเห็น แต่ขอให้เป็นการนำข้อมูลมาเทียบเคียงกันหลายครั้งพอ มีประเด็นถกเถียงกันก็มักจะไม่เอาข้อเท็จจริง หรือเหตุผลมาพูดกัน แต่เอาเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกมาพูดกันมากกว่า ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำโดย ยึดประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนเป็นที่ตั้ง
ยัน ปชป.ไม่ได้เล่นบทพระเอก
เมื่อถามว่า แกนนำของพรรคภูมิใจไทยโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ว่านำโครงการนี้มาหาเสียงกับคนใน กทม. เพื่อเอาความดีเข้าตัว นายอภิสิทธิ์ หัวเราะและกล่าวว่า งานของรัฐบาลเป็นงานของทุกพรรครับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะรับผิดหรือรับชอบก็ต้องรับด้วยกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่เป็นปัญหาคาใจกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรคาใจ
เมื่อถามต่อว่า พรรคภูมิใจไทยกำลังมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นบทพระเอกอยู่คนเดียว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีใครเป็นพระเอก ทุกคนทำงานและรับผิดรับชอบด้วยกัน เพียงแต่ต้อง การให้สังคมมีความมั่นใจ เมื่อได้คำตอบแล้วคงไม่มีใครคาใจ
เช่าหรือซื้อต้องตามขั้นตอน
“โครงการนี้ต้องเกิดเพราะเราปล่อยให้ ขสมก.อยู่ในสภาพเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องทำโครงการนี้ส่วนกรอบเวลาจะต้องขึ้นอยู่กับขั้น ตอน เพราะไม่ว่าจะเช่าหรือซื้อก็ตามยังต้องมีกระบวนการเปิดประมูล การแข่งขัน ถ้าซื้อก็ต้องมีงบลงทุนโดยต้องผ่านขั้นตอนตามกฎหมาย” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า การทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการพูดคุยกันบ้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลาที่เปิดสมัยประชุมสภาวิปจะทำหน้าที่ประสานงาน เพื่อหารือการทำงานกันอยู่แล้ว ตนเป็นคนที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่อยู่แล้ว มีอะไรพูดจากันได้
ลั่นไม่มีใครกดดันได้
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่คนวิจารณ์ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลแต่มีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนที่วิจารณ์อาจจะไม่ได้มาสัมผัสจากการทำงานโดยตรง แต่เรามีการพบปะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเป็นระยะ งานทุกเรื่องต้องผ่านการประชุม ครม.ทุกพรรคร่วมรัฐบาลก็มีรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม และเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่
เมื่อถามอีกว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่การออกมาวิจารณ์ช่วงก่อนเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพราะต้องการกดดันเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนโครงการต่าง ๆ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรมากดดันตนได้ ตนมีเรื่องกดดันเพียงอย่างเดียวคือปัญหาของประเทศ เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชน ตนไม่สนใจแรงกดดันอย่างอื่นและไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการเมือง ความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา
“ลุงจิ้น”ให้รอผลสภาพัฒน์
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาด ไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันว่า มติ ครม.ไม่ได้ให้ยกเลิกเพียงแต่นำไปศึกษาทบทวน ว่ามีความโปร่งใสและคุ้มค่าแค่ไหน ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาของสภาพัฒน์ ส่วนจะทำประชาพิจารณ์หรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภาพัฒน์ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร เพราะเราโยนลูกให้เขาไปแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งคัดค้าน แต่นายกฯกลับมีท่าทีเห็นด้วยกับโครงการนี้ เมื่อถามว่า การออกมาแสดง ความเห็นในการทำงานของรัฐบาลของนายเนวิน นายชวรัตน์กล่าวว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนคนหนึ่งไม่เกี่ยวกับพรรค
เห็นด้วยทำประชาพิจารณ์
นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กรุงเทพฯพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอปรบมือดัง ๆ ให้ กับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย และ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กรณีโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน เพราะมีแนวคิดในการหาเสียงและขอการยอมรับจากประชาชนโดยใช้ผลงานเป็นที่ตั้ง เป็นการคิดที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งตนสนับสนุน โดยเฉพาะ การเสนอทำประชาพิจารณ์เป็นเรื่องดีที่ควรทำอย่างยิ่ง
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคตั้งข้อสังเกตโครงการรถเมล์เช่าว่า ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามใช้วิธีการใด ก็คงจะไม่มีทางฟอกโครงการนี้ให้ขาวสะอาด ที่โยนให้คณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปศึกษาว่าจะเช่าหรือซื้อนั้น เป็นเพียงการซื้อเวลา พรรคไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะมีความจริงใจที่จะดำเนินการโครงการนี้ เนื่องจากสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็คัดค้านโครงการนี้ แต่ในวันนี้กลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไป
“จุมพฏ”แปรพักตร์ซบ ภท.
สำหรับการสัมมนาพรรคภูมิใจไทยที่ จ.สกลนคร ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดโนนสวรรค์ บ้านหนองไผ่-นาดี ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคมว่า วันที่ 2 ในช่วงเช้าบรรดารัฐมนตรี ส.ส. พรรคได้ร่วมกันตักบาตร แต่ละคนมีสีหน้ายิ้มแย้มสดใส หลังจากได้นอนค้างที่บ้านชาวบ้าน 1 คืน ซึ่งนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้ทักทายกับลูกพรรคและสื่อมวลชนว่า หลับสบายอากาศเย็นให้นอนทุกคืนยังได้ จากนั้นนายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส. สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้โผล่กลางวงสัมมนาพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางเสียงปรบมือโห่ร้องต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นายชวรัตน์และนางพรทิวา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ได้เดินมา ต้อนรับและมอบเสื้อพรรคภูมิใจไทยให้นายจุมพฏใส่ทันที ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ซึ่งนายเนวิน ชิดชอบ ที่รับหน้าที่เป็นวิทยากร ได้พูดทันทีว่า ให้ ส.ส.จุมพฏมาร่วมสัมมนาพรรคด้วย และไปปักดำนาเป็นงานแรก ทำให้สมาชิกพรรคภูมิใจไทยต่างปรบมือต้อนรับอย่างครึกครื้น และ นายเนวินได้เดินกอดคอนายจุมพฏพร้อมพูดว่า กลับบ้านแล้ว และเปรยด้วยว่าจากนี้พรรคจะจัดคาราวานทุกจังหวัดเดือนละครั้ง
แจงไม่พอใจการทำงาน พท.
นายจุมพฏให้สัมภาษณ์ว่า ตนใช้เวลา 2-3 วันตัดสินใจมาภูมิใจไทยโดยไม่มีใครชวน ที่มาเพราะไม่พอใจการทำงานของพรรคเพื่อไทย ที่ผิดหลักการทำงานของตน 2 เรื่อง คือ กรณีที่นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน มอบหมายให้ตนร่างกฎหมายถอดถอน 3 รัฐมนตรีต่อศาล รัฐธรรมนูญ คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว. ยุติธรรม นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม ในการโหวตสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณกลางปี 52 และได้มีการล่ารายชื่อ ส.ส.ได้ 120 คน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงอยากถามว่าพรรคเพื่อไทยทำไมไม่ดำเนินการเรื่องนี้
นายจุมพฏกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้พรรคได้มอบหมายให้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ แต่ปรากฏว่าก่อนอภิปรายเพียง 10 นาที กลับห้ามตนอภิปราย ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ สามารถอภิปราย ได้ 2 รอบ ซึ่ง 2 เหตุการณ์นี้เป็นผู้มีบารมีนอกพรรคที่อยู่ใกล้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นผู้จัดการ
“เสี่ยหนู” ดูดเข้าพรรค
“พรรคฝ่ายค้านไม่ยอมทำตามหน้าที่ของตัวเองในฐานะเป็น ส.ส. เช่น รัฐบาลเสนอ พ.ร.ก. ยาสูบ และน้ำมัน แต่ฝ่ายค้านที่มี 187 คนกลับ ไม่ทำหน้าที่คัดค้านและไม่เข้าร่วมประชุม ขณะนั้นมี ส.ส.เหลือเพียง 33 คน การทำแบบนี้ไม่สมควรมารับเงินเดือนประชาชน” นายจุมพฏกล่าวและว่า หลังจากนี้ตนจะมาร่วมกิจกรรมพรรคภูมิใจไทย อย่างเต็มตัว และหากพรรคให้การสนับสนุนการเลือกตั้งครั้งหน้าก็พร้อมจะลง ขณะนี้ต้องรอดูว่า พรรคเพื่อไทยจะขับตนออกจากพรรคหรือไม่ หากขับออกตนก็พร้อมจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยทันที
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิดนายเนวินเปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ไปทาบทามนายจุมพฏมาร่วมงานด้วยตนเอง เนื่องจากรับทราบมาว่านายจุมพฏต้องการมาร่วมด้วยกับพรรค แต่ยังไม่มีหลักประกันว่าเข้ามาแล้วจะสามารถทำงานให้กับพรรค ได้แค่ไหน เพราะกลัวว่าเข้ามาแล้วจะเปรียบเหมือนหมาหัวเน่าเหมือนตอนอยู่พรรคเพื่อไทย แต่ได้ตัดสินใจมาเพราะเห็นว่านโยบายพรรคภูมิใจไทยทำได้จริง ไม่ใช่นโยบายเพ้อฝันของพรรคเพื่อไทย ที่ขณะนี้ เป็นฝ่ายค้าน
“ลุงจิ้น-เจ๊วา” พาลูกพรรคปลูกข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ต่อมาในช่วงสายรัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคภูมิใจไทยได้แบ่ง กลุ่มไปตามฐานต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน อาทิ กลุ่มทำนาปลูกข้าว เลี้ยงปลา ทอผ้า เลี้ยงโค-กระบือ โดยฐานแรกคือการปลูกข้าว นายชวรัตน์ได้นำทีมรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรคจำนวนหนึ่งลงปักดำนา อาทิ นางพรทิวา นาย ศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรฯ นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายชวรัตน์ลงดำนาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีนางศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคและเจ้าหน้าที่พรรคคอยประคองตลอด ขณะที่นางพรทิวาได้รับเสียงเชียร์จากนายอนุชา นาคาศัย สามี พร้อมทั้งนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรค ซึ่งเป็นพิธีกรภาคสนามได้ พูดกระเซ้าว่า รมว.พาณิชย์ ลงมาปักดำนาเองจะได้รู้ว่าปลูกข้าวแต่ละเม็ดยากเย็นแค่ไหน เวลาประกันราคาข้าวจะได้ให้กิโลละ 100 บาทไปเลย ทั้งนี้นายประจักษ์ถึงกับถอดเสื้อปักดำนา และเมื่อจะขึ้นคันนาปรากฏว่าพลาดลื่นหงายท้องหล่นลงไปในท้องนา สร้างความครื้นเครงให้กองเชียร์ก่อนจะช่วยดึงขึ้นมา
ปลื้มดำนาครั้งหนึ่งในชีวิต
นายชวรัตน์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปักดำนาว่า เป็นครั้งแรกในชีวิต การจัดสัมมนาต้องการให้ ส.ส. ได้รู้ชีวิตจริงของชาวบ้าน และนำความรู้ที่ได้ไปช่วยชาวรากหญ้า ตนคาดหวังว่าจะเห็นถึงปัญหาและหาทางช่วย โดยการประยุกต์เอานโยบายของพรรคเข้าไปดูแลแก้ปัญหา ในอนาคตอาจมีการจัดสัมมนาเช่นนี้อีกครั้งในทุกภูมิภาค
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศระหว่างรัฐมนตรีและ ส.ส. ลงทำกิจกรรมตามฐานต่าง ๆ นายเนวิน ได้คุมเข้มการทำกิจกรรมอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน โดยเดินตามกลุ่มผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกกิจกรรม และตะโกนให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาพร้อมเป่านกหวีดประจำกายเป็นระยะว่า นักเรียนเข้าห้องเรียนดูปัญหาได้แล้ว
5 ชีวิตเพื่อไทยเล็งย้ายพรรค
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.สกลนคร ว่า จะเป็นการวัดเสียงของประชาชนว่าจะเลือกรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน พรรคไม่อยากประเมินว่าจะเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ แต่ผลสุดท้ายจะรู้ว่าประชาชนจะเป็นผู้เลือกฝั่งไหน
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางลงพื้นที่หาเสียงใน จ.สกลนครกับพรรคภูมิใจไทยว่า พรรคทราบอยู่แล้วและเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ขอร้องว่าอย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ เพราะระหว่างที่กฎหมายยังไม่เปิดโอกาสให้ย้ายพรรคประชาชนจะสับสนได้ เท่าที่ทราบมี ส.ส.พรรค ประมาณ 5 คน เตรียมย้ายพรรคอยู่แล้ว แต่ที่จะไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยกี่คนตนไม่ทราบ
หวั่นตุกติกเลือกตั้งอีสาน
ด้านหนึ่ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ลับ ลวง พราง” ว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงก็คือ การเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนคร และ จ.ศรีสะเกษ ตนได้ข่าวมาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเตรียมลงไปในพื้นที่ มีการตั้งผู้ว่าฯ คนใหม่ ตนจะลงไปดูว่าที่เขาลือว่าข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางจริงหรือไม่ ไม่อยากให้เหมือนสมัย รสช.ที่เลือกตั้งล่วงหน้าแล้วเอาหีบไปเก็บไว้ และมีข่าวว่ามีการเปลี่ยนหีบ ที่ตนกล้าพูดเพราะมีเหตุเช่นนั้นจริง ๆ
เมื่อถามต่อว่า คนที่ทำในสมัย รสช.ยังคิดที่จะทำในปัจจุบันนี้อยู่อีกหรือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า เขาเคยทำได้ก็คงต้องทำ เพราะมันถูกชักจูง ไปในทางนั้นอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า กำลังพูดถึงกระทรวงมหาดไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นกองทัพ อยู่ที่คำสั่งที่สั่งลงไป ถ้าสั่งด้วยวาจาก็ไม่มีหลักฐาน ต่อข้อถามว่า ถ้าเจอหลักฐานการทุจริตพร้อมที่จะเปิดเผยหรือไม่ พล.อ. ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีข่าวตามที่ตนได้รับมาคงต้องมีการพิสูจน์และตีแผ่ให้ชาวบ้านได้รู้ ซึ่งองค์กรอิสระน่าจะเข้าไปดูบ้าง
ปชป.จี้เร่งรัด 3 มาตรการ
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า หากต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวควรเร่งรัด 3 มาตรการ คือ 1.ขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ผ่านร่างพ.ร.บ. และ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2.การรักษาราคาผลผลิตทางการเกษตร 3.การดูแลปัญหาค่าครองชีพของประชาชน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า การที่กลุ่ม นปช.จะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 27 มิ.ย. อาจนำไปสู่ความวุ่นวายของบ้านเมือง ส่งผลกระทบต่อ ความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและประเทศที่กำลังจะ ดีขึ้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลการชุมนุมอย่างสงบไม่ใช้ความรุนแรง สังคมก็อยากเห็นประเทศชาติเดินไปข้างหน้า การที่พรรคเพื่อไทยจะมีการยื่นถอดถอน ครม.กรณีออก พ.ร.ก.เงินกู้ ถือเป็นการเล่นไม่เลิกโดยไม่สนใจความเสียหายของประเทศชาติ
วุฒิฯ แนะลดคนดูงาน ตปท.
นายวิทยา อินาลา เลขานุการวิปวุฒิ เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 มิ.ย. จะมีการหารือถึงการเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประ มาณรายจ่ายประจำปี 2553 พ.ร.ก. และพ.ร.บ. กำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงิน 8 แสนล้าน บาท เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้กลุ่ม 40 ส.ว. ประกาศ คว่ำ พ.ร.ก. นายวิทยา กล่าวว่า เป็นความเห็นของกลุ่ม 40 ส.ว. ส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลมีความจำเป็นในการออก พ.ร.ก.กู้เงิน เพราะรัฐบาลไม่มีงบฯในการบริหารประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องมีแนวทางในการดูแลการใช้เงินไม่ให้มีการรั่วไหล ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา
เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้กรรมาธิการสามัญของวุฒิสภาหลายคณะมีโปรแกรมเดินทางดูงานต่างประเทศ สวนทางกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการประหยัดงบประมาณ นายวิทยากล่าวว่า การไปดูงานต่างประเทศขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละกรรมาธิการฯ ส่วนตัวก็เห็นด้วยกับนโยบายไม่ให้เดินทางดูงานต่างประเทศ เพราะสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ทุกฝ่ายควรจะประหยัด แต่หากมีความจำเป็นจริง ๆ ก็ไปได้ แต่ต้องไปดูงานจริง ๆ เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ หรือหากปรับลดจำนวนคนที่จะเดินทางไปก็จะทำให้ลดงบฯ ได้มาก
“มาร์ค” ลั่นไม่มี 2 มาตรฐาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกครั้งเรื่องการเสริมสร้างและการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในการเมืองการปกครอง ใน ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า รัฐบาลทุ่มเทเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่กับประชาชนอย่างแท้จริง ตนเข้ามาทำงานให้กับคนทุกพื้นที่อย่างเสมอภาค ไม่มี 2 มาตรฐาน เพราะวิธีการอย่างนั้นไม่ยั่งยืนและไม่รู้จะทำไปทำไม ตนมาจากการเลือกตั้งต้องรับผิดชอบกับคนที่เลือกมา
“เป็นนักประชาธิปไตยสามารถวิจารณ์ได้ แต่ที่ทำไม่ได้คือ ใช้สื่อยุยงให้คนไปทำผิดกฎหมาย เช่น ก่อจลาจล ปิดถนน ใช้ความรุนแรง ประกาศไล่ล่าฆ่าคน ขณะนี้สถานีโทรทัศน์ของกลุ่มผู้ชุม นุมก็มีการปรับเปลี่ยนไปดำเนินการนอกประเทศที่กฎหมายไปไม่ถึง แต่ก็ยืนยันว่าไม่เลือกปฏิบัติ วันนี้ที่ผมขอเวลาและโอกาส ไม่ได้ขอให้ตัวเอง แต่ขอให้ประชาชนคนไทย เพราะการเมืองเรานิ่งบ้านเมืองเราก็เดินไปได้” นายกฯ กล่าว