ไทยกำลังเผชิญหน้าสู้วิกฤต

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เกิดวิกฤติ 4 ด้านคือ 1. ความแตกแยกในบ้านเมือง 2. จริยธรรม 3. ค่าครองชีพและความ

ยากจน 4. ความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นเพราะรัฐบาลได้ตั้งโจทย์ในการแก้ปัญหาผิดพลาด คือรัฐบาลมักเอาเงินมาเป็นตัวนำในการแก้ปัญหา ใช้ตัวเลขจีดีพีเป็นตัววัดทุกเรื่อง มองการบริหารแบบกำไร ขาดทุนเหมือนการบริหารบริษัท และมีผลประโยชน์แอบแฝงเกือบทุกด้าน อย่างไรก็ตาม แทนที่รัฐบาลจะคุยโม้โอ้อวดควรจะชี้ให้เห็นว่าการปัญหาเหล่านี้จะทำอย่างไรมากกว่า สำหรับกรณีที่
โต้ ทรท.อย่าบิดเบือนประวัติศาสตร์

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกรายการนายกฯ พบประชาชน ได้อธิบายเกี่ยวกับที่เคยด่าคน กทม.นั้น เป็นการแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น เพราะนักจิตวิทยาบอกว่าคนที่พูดครั้งแรกถ้าโกหกจะเชื่อถือได้มากกว่าการพูดครั้งต่อไป การพูดของนายกฯ เป็นลักษณะเก็บกดเพราะเชื่อลึกๆ ว่า นี่คือผลพวงที่คน กทม.ถูกหลอก นายกฯ เป็นคนหลอกคน กทม. เป็นการระบายความในใจออกมาว่าเกิดอะไรกับคน กทม. การชี้แจงไม่สามารถทำให้เกิดความกระจ่างได้ เชื่อว่าคน กทม.จะให้บทเรียน ถ้าตราบใดที่นายกฯ ไม่เปลี่ยนมุมมองและบริหารประเทศอย่างเท่าเทียมกัน

ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยออกเอกสารลับโจมตีพรรคประชาธิปัตย์นั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า เอกสารดังกล่าวไม่ควรจะเป็นเอกสารในการสัมมนา เพราะเป็นการบิดเบือนที่นำไปหลอกคนในพรรคไทยรักไทย การที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยโค่นล้มรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2489 พรรคประชาธิปัตย์จะมีความสามารถถึงเพียงนั้นหรือ ทั้งที่เพิ่งตั้งพรรคใหม่ๆ แล้วจะไปล้ม

รัฐบาลได้อย่างไร และการที่โจมตีว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ไม่มีชื่อในการเรียกร้องรัฐบาลในอดีต การไม่มีชื่อไม่ได้หมายความว่าไม่มีส่วนเข้าไปร่วมต่อสู้เรียกร้อง พรรคไทยรักไทยไม่ควรใช้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการเรียกร้องของประชาชน อย่าไปแอบอ้างว่าเป็นผลงานของพรรคการเมือง ยังมีอีกหลายเรื่องที่โจมตีอย่างเช่นบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมขบวนการกับ รสช. หรือไปดึงพรรคประชากรไทยมาร่วมรัฐบาล แม้กระทั่งการโจมตีว่าพรรคประชาธิปัตย์สั่งปิดสถาบันการเงิน 56 แห่ง ทั้งๆ ที่ผู้สั่งปิดคือนายทนง พิทยะ รมว.คลัง สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

ชี้นายกฯ พยายามปลุกกระแสคนจน

นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่นายกฯ ระบุว่า จะทุ่ม 2 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาความยากจนว่า พูดเหมือนเป็นนโยบายเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย เจตนาของนายกฯ เพื่อหวังผลคะแนนเสียง ปลุกกระแสคนจนเพื่อเรียกร้อง พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ เป็นพฤติกรรมเดิมที่จะใช้เงินภาษีของประชาชนมาหาเสียงให้กับพรรคไทยรักไทย สิ่งที่สงสัยคือเอาเงินมาจากไหนและจะทำได้อย่างไร สร้างความหวังให้กับคนอีสาน แต่คนทั้งประเทศรู้ทันแล้วว่า เมื่อเลือก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯแล้ว สิ่งที่บอกเอาไว้ก็ไม่ทำจริงตามที่พูดเอาไว้

สำหรับกรณีที่นายกฯ พยายามชี้แจงสาเหตุความจำเป็นในการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิให้ทันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และทำให้เศรษฐกิจขยายตัวนั้น นายสาธิตกล่าวว่า สหภาพแรงงานการบินไทยก็ออกมาคัดค้านเพราะยังไม่พร้อม สายการบินต่างๆ ก็ยังไม่เห็นด้วย จึงตั้งคำถามว่า สิ่งที่รัฐบาลตั้งใจอยากจะเปิดสนามบิน ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมมีเหตุผล 2 ประการใช่หรือไม่ 1. รัฐบาลต้องการเปิดสนามบินเพราะผู้มีอำนาจต้องการใช้เงินเพื่อการเลือกตั้ง 2. หวังผลเพื่อให้ความสำเร็จในการสร้างสนามบิน เป็นผลงานของรัฐบาลชุดนี้เพียงรัฐบาลเดียวหรือไม่


แหล่งที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ