นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เป็นประธานเปิดการสัมมนาระดับชาติ เรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 12 ที่อาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด Half by 2011. Where we are! “ชุมชน คือ พลัง ร่วมป้องกัน ดูแล รักษาเอดส์” ซึ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเพื่อลดการติดเชื้อรายใหม่ให้ได้ร้อยละ 50 ในปี 2544 ตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างทั่วถึงและครอบคลุม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเอดส์นั้น ปัจจุบันทั่วโลกยังคงมีผู้ติดเชื้อถึง 33 ล้านคน
โดยในส่วนประเทศไทยนั้นมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งเสียชีวิตแล้ว นั่นแสดงว่ายังมีผู้ติดเชื้ออีกกว่า 5 แสนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้ จากการติดตามพบว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชน และแม่บ้าน จากเดิมเป็นกลุ่มหญิงบริการ และผู้ติดยาเสพติด ที่สามารถควบคุมและแก้ไขได้ง่าย ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา และตั้งเป้าในอีก 2 ปี จะทำให้อัตราการติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 7,000 ราย ถือเป็นเป้าหมายสูงสุด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือและให้ความสำคัญ
โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน เพราะปัญหาเพศสัมพันธ์มีความซับซ้อนและรุนแรง ที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้การติดต่อสื่อสารง่ายและรวดเร็ว ทำให้ระยะหลังวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น อายุเฉลี่ยการมีเพศสัมพันธ์น้อยลงอยู่ที่ 17 ปี ทั้งยังมีเพศสัมพันธ์แบบฉาบฉวยเพิ่มมากขึ้น การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันจึงเป็นสิ่งท้าทายเพื่อให้เยาวชนตระหนัก นอกจากนี้ยังมีอัตราการติดเชื้อในกลุ่มรักเพศเดียวกันเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกลุ่มทหารเกณฑ์ และกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด
“กลุ่มผู้ติดเชื้อในกลุ่มแม่บ้าน พบว่ามีอัตราการติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งกลุ่มนี้หากผู้ชายมีพฤติกรรมซื่อสัตย์ แม่บ้านก็จะไม่มีความเสี่ยง ผมพร้อมเป็นพรีเซ็นเตอร์ในเรื่องนี้ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว โดยได้รับเสียงปรบมือดังลั่นห้องประชุม