นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการจัดตั้งพรรคของกลุ่มพันธมิตรว่า
เวลานี้ มีแต่การคาดการณ์กันว่า คนที่เคยต้องคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จะมาขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองและดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่เท่าที่ทราบยังไม่มีการยื่นขอจดจัดตั้งพรรคตอนนี้ โดยขอไปศึกษากฎหมายก่อน
ส่วนในประเด็นการเป็นบุคคลล้มละลายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น ความหมายตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 11 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 102 ที่ห้ามบุคคลล้มละลาย
หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต เป็นกรรมการบริหารพรรคหรือหัวหน้าพรรคการเมือง หมายถึงบุคคลที่รับโทษอยู่ในระหว่างช่วงเวลา 3 ปี ที่ศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายจะมาเป็นดำรงตำแหน่งเหล่านี้ไม่ได้ แต่หากพ้นจาก 3 ปีไปแล้ว ก็ถือว่า ปลอดจากการล้มละลายแล้ว สามารถดำรงตำแหน่งได้ ทั้งนี้ บุคคลล้มละลายทุจริตนั้น ศาลจะสั่งไว้ในคำพิพากษาเลย ถ้าไม่มีระบุไว้จะไปตีความขยายไม่ได้
เมื่อถามว่า แกนนำพันธมิตรมีปัญหาเรื่องคดีอาญา นางสดศรี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 102 (4)ใช้คำว่า ต้องคำพิพากษาให้จำคุก และถูกคุมขังอยู่
โดยหมายของศาล ส่วน(5) เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีในวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ"ทั้งสองวรรคนี้ มีความสำคัญว่า กรรมการบริหารพรรค หรือหัวหน้าพรรคต้องไม่ถูกคำพิพากษาให้จำคุก ซึ่งในที่นี้ คงไม่ใช่ต้องถึงที่สุด ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเหมือนกันว่า ระหว่างที่เป็นหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค ต้องไม่ถูกคำพิพากษาให้จำคุก หรืออยู่ระหว่างคุมขังโดยหมายศาล แต่ทั้งนี้การเป็นหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคไม่ใช่เป็นไปตลอด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากพบว่ามีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง"
เมื่อถามต่อว่า นายสนธิ ต้องคำพิพากษาจำคุกฐานหมิ่นประมาท คดีหมิ่นประมาท ถือว่า เป็นความผิดลหุโทษหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ความผิดลหุโทษ จะเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า คดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่ความผิดลหุโทษ