วุฒิสภาต้องเป็นผู้มีวุฒิภาวะ

มติชน

บทนำมติชน

ก่อนถึงวันประชุมวุฒิสภา ในวันที่ 15 สิงหาคม เพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติผู้ได้รับการสรรหาเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีรักษาการสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางคนออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะเปิดโปง เช่น จะมีการนำเงินสดใส่รถปิคอัพไปแจกให้รักษาการ ส.ว.เฉลี่ยคนละ 5 แสนบาทเพื่อตอบแทนในการลงคะแนนเลือกกรรมการองค์กรอิสระ ตาม "ใบสั่ง" ของฝ่ายการเมือง และมีการระบุชื่อผู้ผ่านการสรรหา 3-4 คนที่รักษการ ส.ว.คงไม่เลือกเข้าไปเป็น กกต.เพราะเห็นว่าอยู่คนละฝ่ายกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีรักษาการ ส.ว.บางคนพูดว่า ผู้ได้รับการสรรหาเป็น กกต.อย่างน้อย 3 คนใน 10 คนมีสายสัมพันธ์กับนักการเมือง

สิ่งที่พูดนั้นอาจจะมีการเคลื่อนไหวในหมู่รักษาการ ส.ว.จริง และสุดท้ายก็เป็นไปตามที่มีการตีปลาหน้าไซไว้ก่อนหน้านั้น ถือเป็นการมองไกลไปถึงวันที่วุฒิสภาจะต้องพิจารณาลงมติเลือก กกต.เอาไว้ 5 คนจาก 10 คนและตรงกับที่ได้ดักคอ แต่บางสิ่งบางอย่างก็ยังดูเลื่อนลอย แม้ในอดีตที่ผ่านมาจะเกิดข้อกังขาและความคลางแคลงใจในหมู่คนทั่วไปว่า รักษาการ ส.ว.มีการกินเงินเดือนจากผู้มีอำนาจทางการเมืองเป็นรายเดือน โดย ส.ว.ด้วยกันเองเป็นผู้เปิดโปงต่อสาธารณชน ซึ่งก็น่าจะเป็นความจริงอยู่ไม่น้อย แต่ในครั้งนี้จะถึงขนาดขนเงินใส่รถปิคอัพไปแจกรักษาการ ส.ว.ที่รัฐสภาประมาณ 80 คน คนละ 5 แสนบาท ซึ่งต้องใช้เงินถึง 40-50 ล้านบาทก็ดูจะเอิกเกริกและครึกโครมเกินไปหน่อย หากจะแจกจริงคงจะเปลี่ยนวิธีการ ไม่หอบเงินมาแจกกันแบบนี้เป็นแน่แท้

น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาเป็น กกต. 3-4 คนถูกเปิดเผยออกมาว่า จะไม่ได้รับการเลือกให้เป็น กกต.เพราะยืนอยู่ตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นี่ก็อีกเช่นกัน สมมุติถ้าผลสุดท้าย การเลือกของวุฒิสภาออกมาตามที่คาด ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่มีการบล็อคโหวต ไม่มีการลงคะแนนตามโผ และที่สำคัญจะพูดไม่ได้ว่าวุฒิสภารักษาการชุดนี้มีความเป็นอิสระ มีความเป็นกลาง ไม่เป็น "สภาทาส" ดังที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาเคยให้ฉายาเอาไว้ เพราะการกระทำได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว วุฒิสภาก็คือทาสที่ยังไม่ปล่อยไปนั่นเอง

เมื่อสังคมจับจ้องมองมายังวุฒิสภาชนิดตาไม่กะพริบทุกจังหวะก้าว ทุกอิริยาบถถูกเพ่งเล็งไปในทำนองไม่น่าไว้วางใจ รักษาการ ส.ว.ทั้ง 189 คนจึงควรที่แต่ละคนจะได้ช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสถาบันวุฒิสภาของตนเอง ด้วยการประพฤติปฏิบัติให้สมกับชื่อของการเป็น ส.ว. นั่นคือ เป็นผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยวุฒิภาวะ ไม่เพียงแต่การให้สัมภาษณ์ จะต้องกระทำอย่างเป็นหลักเป็นฐาน มีความน่าเชื่อถือว่าสิ่งที่พูดมีข้อมูลรองรับ การแสดงความเห็นใดๆ ต้องมุ่งไปที่ประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ใช่เล่นเกมการเมืองประโยชน์ของกลุ่มหรือพรรคพวกจนละเลยไปว่า ตนเองกำลังสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม

การตั้งรักษาการ ส.ว.ไปเป็นคณะกรรมาธิการไปสอบประวัติและความประพฤติว่าที่ กกต. 10 คนก็ต้องเลือกเฟ้นให้ดี อย่ามัวแต่ขัดแย้งทะเลาะกันเอง พูดกันไม่รู้เรื่อง เหมือนกับเคยเกิดขึ้นมาแล้วกรณีปัญหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและเรื่องอื่นๆ เพียงเพื่อต้องการจะเอาชนะคะคานอีกฝ่ายเหมือนกับเด็กที่ขาดสติ เด็กดื้อด้าน หรือเด็กที่พาลเกเร การให้สัมภาษณ์ก็ควรไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่าควรจะพูดอะไร และเกิดผลกระทบแบบไหนตามมา และที่สำคัญเมื่อถึงวันประชุมวุฒิสภาเพื่อลงคะแนนเลือก กกต.เอาไว้ 5 คน จะต้องไม่กระทำการใดๆ ให้เป็นข่าวอื้อฉาวจนเป็นตราบาปแห่งความอัปยศของ ส.ว. รักษาการ ส.ว. โดยเฉพาะผลการลงคะแนนเลือก กกต. 5 คนเมื่อปรากฏรายชื่อออกมาจะต้องไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านว่า นี่คือ ส.ว.ที่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาลเพราะพยายามจะกีดกันคนบางคนไม่ให้ได้รับเลือกเป็น กกต.

รักษาการ ส.ว.ทุกคนพึงสำนึกว่า การเลือก กกต.ครั้งนี้เป็นผลมาจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 โดย กกต.ชุดที่แล้วได้เกิดความไม่สุจริตและเที่ยงธรรมขึ้น เนื่องจากมีพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคใหญ่ลงสมัครเพียงพรรคเดียว กกต.ก็มีพฤติการณ์เอนเอียงเข้าข้างพรรคไทยรักไทย ซึ่งคำพิพากษาของศาลได้เป็นเครื่องประทับรับรองให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ได้อย่างไร นอกจากนี้อดีต กกต. 3 คนที่ขาดความเที่ยงธรรมยังถูกศาลตัดสินจำคุกถึง 4 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี อดีต กกต.ได้รับเลือกมาจากใครถ้าไม่ใช่รักษาการ ส.ว.ชุดนี้ การแสดงความรับผิดชอบในความผิดพลาดและบกพร่องที่แล้วอาจเป็นเรื่องลำบากเพราะไม่รู้จะให้ทำอะไร หรือแม้จะให้ทำแต่รักษาการ ส.ว.ก็คงไม่ยอมรับ จึงขอเพียงว่า ภารกิจที่จะทำต่อไปทั้งการเลือก กกต.และ ป.ป.ช.จะต้องไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์