กรุงเทพธุรกิจ
12 สิงหาคม 2549 16:01 น.
"ปตท."โชว์ผลกำไรครึ่งปีแรก 55,381 ล้านบาท มาจากการดำเนินการ กำไรอัตราแลกเปลี่ยน และการขายหุ้นโรงกลั่นฯ ระยอง เตรียมนำผลกำไรไปลงทุนกว่า 240,000 ล้านบาท
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปิดเผยถึงผลประกอบการครึ่งปีแรก 2549 ว่า ปตท. และบริษัทย่อยมียอดขายรวม 583,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.8 มีกำไรจากการดำเนินการ 48,250 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 8 ของยอดขาย โดยกำไรส่วนใหญ่มาจากบริษัทที่ ปตท.ไปร่วมลงทุนในธุรกิจที่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นโรงกลั่นน้ำมันระยอง 7,130 ล้านบาท กำไรสุทธิ 55,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.9 มีสินทรัพย์รวม 688,714 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 376,892 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 311,822 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/2549 มีรายได้ 313,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.6 และมีกำไรสุทธิ 31,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,303 ล้านบาท หรือร้อยละ 72 โดยรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณขายและราคาขายผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและผลิตภัณฑ์โรงแยกก๊าซฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจการกลั่นที่ดีขึ้นมาก รวมถึงส่วนแบ่งกำไรใน บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,578 ล้านบาท และในครึ่งแรกของปี 2549 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 6,565 ล้านบาท ในขณะที่ในครึ่งแรกของปี 2548 มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 948 ล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ดีของ ปตท.อย่างต่อเนื่อง ทำให้ ปตท.มีความเข้มแข็งทางการเงิน สามารถลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดหาพลังงานให้พอเพียงกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยในแผน 5 ปี (2549-2553) ปตท.ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึงกว่า 240,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติประมาณ 175,000 ล้านบาท ธุรกิจร่วมทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นฯ ประมาณ 50,000 ล้านบาท และธุรกิจน้ำมันประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนดังกล่าวทำให้เกิดความมั่นคงทางพลังงาน และเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่าผลการดำเนินงานที่ดี ทำให้ปตท.สามารถส่งเงินเข้ารัฐเพื่อพัฒนาประเทศได้เพิ่มขึ้นทั้งในรูปของภาษีและเงินปันผล โดยประมาณการว่าปตท. และบริษัทในกลุ่มสามารถนำเงินส่งรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า (2549-2553) สูงถึง 300,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 200 เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน( 2544-2548) ที่กลุ่ม ปตท.ส่งเงินเข้ารัฐประมาณ 100,000 ล้านบาท
ศักยภาพที่เข้มแข็งของ ปตท.นั้น มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีต่อเศรษฐกิจไทย และยังทำให้ ปตท.มีความสามารถในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง นายประเสริฐ กล่าว.