คม-ชัด-ลึก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 สิงหาคมว่า หลังจากที่ประธานวุฒิสภา ได้ส่งเรื่องถึงรัฐบาล ขอให้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ล่าสุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธย ให้เปิดสมัยประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ในวันที่ 15 สิงหาคม 2549 ครั้งที่ 1 ในเวลา 13.30 น. โดยมีวาระเร่งด่วน 2 เรื่องคือ การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ (กมธ.) ตรวจสอบประวัติและความประพฤติของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามมาตรา 135 และ 2.การเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามมาตรา 197 ของรัฐธรรมนูญ โดยวุฒิสภาจะเลือกผู้ที่ได้รับการเสนอเป็น ป.ป.ช.จาก 18 คน ให้เหลือ 9 คน
สุชนมั่นใจสำนึกส.ว.เลือกคนดี
เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารระดับสูงสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ รวมถึงวางกรอบขั้นตอนการตรวจสอบประวัติว่าที่ กกต.
นายสุชน ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับสำเนารายชื่อว่าที่ กกต.ทั้ง 10 คน จากนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา เรียบร้อยแล้ว รอเพียงหนังสืออย่างเป็นทางการ ที่ต้องแนบประวัติ และความยินยอมของทั้ง 10 คนอีกครั้งหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ 138(2) แต่เชื่อว่าทั้ง 10 คน พร้อมทำหน้าที่ กกต. ส่วนการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ขณะนี้การเตรียมส่งเอกสารให้ ส.ว.ทุกคนแล้ว เมื่อมีพระบรมราชโองการลงมา ก็พร้อมเปิดประชุมได้ทันที ส่วนขั้นตอนตรวจสอบประวัติจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับที่ประชุม เชื่อว่า ส.ว.ที่เหลือ 189 คน ล้วนตระหนักในความรับผิดชอบของตนเองอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มี ส.ว.บางคนตั้งข้อสังเกตว่ามี 2-3 คนที่ได้รับการเสนอชื่อมามีปัญหา นายสุชนกล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าใครมีปัญหา เพราะไม่เคยเป็น กมธ. แต่ขอให้รอให้มีการตรวจสอบประวัติก่อน เท่าที่ดูชื่อทุกคนก็มีคุณภาพ ที่น่าดีใจ คือ มีตัวแทนผู้หญิงด้วย และนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ ซึ่งเคยร่วมทำงานมา 6 ปี เป็นคนทุ่มเททำงานให้วุฒิสภา แต่วุฒิสภาจะไม่อาศัยความเป็นเพื่อน พี่น้อง หรือญาติ มาเลือก ทุกคนรู้ดีว่าเป็นวาระเพื่อชาติ สำหรับตนก็มีแล้วหลายคนในใจ
"เจิมศักดิ์"แฉ 3 คนสัมพันธ์การเมือง
นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รักษาการ ส.ว.กรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์ถึงรายชื่อว่าที่กกต.ว่า ใน 10 คน ตนพูดได้ว่า 7-8 คนตนพอใจ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ ผู้ที่มีผลงานในการต่อสู้และทำงานจริง, ผู้ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นหรือไม่เคยต่อสู้อะไร และสุดท้ายมีประมาณ 3 คนที่ไม่มั่นใจว่า จะมีความเป็นอิสระทางการเมือง แต่เสียดายที่บอกชื่อไม่ได้
เมื่อเช้ามีคนให้ข้อมูลผมว่า มีคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นความสัมพันธ์จากนักการเมืองใหญ่คนหนึ่งอ้อมไปหาอีกคนหนึ่ง บอกไม่ได้ว่าเป็นคนในหรือคนนอกตุลาการ นายเจิมศักดิ์ กล่าว
นายเจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การทำงานของ กกต.คนคนเดียวอาจจะชนะคนทั้งหมดได้หากต้องการเสียงเอกฉันท์ ตนจึงห่วงว่า หาก 2-3 คนนี้เข้าไปจะทำให้ความเป็นกลางเสียไป ซึ่งได้แนะนำคนที่ให้ข้อมูลไปให้ข้อมูลโดยตรงกับ กมธ.ตรวจสอบประวัติแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสอบประวัติได้ทันกำหนดเวลาหรือไม่ นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า ตอบได้ยากขึ้นอยู่กับคำร้องเรียน บางคนไม่น่าจะมีมาก แต่บางคนเคยมีคำร้องเรียนในอดีต บางท่านเคยมีคนร้องเรียนว่า ไปขุดพระเครื่องก็มี หากคำร้องเรียนมีรูปธรรมก็ต้องตรวจสอบเพื่อความยุติธรรม ว่ามีมูลไหม และต้องเปิดให้แก้ข้อกล่าวหาด้วย
การตรวจสอบประวัติเคยทำเร็วที่สุดก็ 30-40 วัน หรือ 2 เดือนก็มี ถ้าเราใช้มาตรฐานความเร็วพิเศษก็จะได้คนพิเศษ หากต้องการให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมตามพระราชดำรัส คิดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือนจัดการ นายเจิมศักดิ์ กล่าว
นายเจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อได้ กกต.แล้วยังต้องใช้เวลาปรับองค์กรเอาคนในสำนักงาน กกต.ที่วางยากันไว้ออก ต้องรื้อ กกต.จังหวัด กกต.เขตที่มีการจัดตั้งกันไว้ให้เรียบร้อย ที่สำคัญอยู่ที่กรรมการสรรหา กกต.จังหวัดเดิมที่ใช้ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้เลือก ตนอยากเสนอให้ศาลช่วยเสนอชื่อ 15 คน แล้วให้ กกต.กลางเลือก กกต.จังหวัด 5 คน แบบนี้จะไว้ใจได้
"กกต.เขตก็ควรรื้อใหม่ คำสั่งลับที่เคยสั่งนายอำเภอมาเป็น กกต.เขตต้องเลิก ไม่เช่นนั้น ผมจะเปิดเผยว่ารัฐมนตรีคนใดที่เป็นคนสั่งคำสั่งลับนั้น ไม่เช่นนั้นจะกลับไปสู่ปัญหาเดิมอีก" รักษาการ ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าว
"แก้วสรร"เมินสาบานเกมจิ๊กโก๋
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ หนึ่งใน 10 ว่าที่ กกต.กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ระบุว่า รู้สึกติดใจรายชื่อนายแก้วสรร เนื่องจากเห็นว่ามีจุดยืนตรงข้ามกับพรรคไทยรักไทยและเสนอให้นายแก้วสรรไปสาบานที่วัดพระแก้วว่า จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ว่า ไม่ใช่เรื่องของนายจตุพรที่จะมาให้ไปสาบาน หากติดใจเรื่องคุณสมบัติของตน ก็ควรไปบอกกับวุฒิสภาที่จะเป็นผู้ลงมติคัดเลือก
"กระบวนการเขาก็มีอยู่ ถ้าเห็นว่าผมไม่เป็นกลาง ก็ไปบอกวุฒิสภา อย่ามาใส่กันกลางอากาศ ไม่ใช่ดึงผมไปปิดเกม นี่ไม่ใช่เกมจิ๊กโก๋ ยังเด็กแท้ๆ ทำไมทำตัวไม่รู้ผิดรู้ถูก" นายแก้วสรร กล่าว
นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า รู้สึกดีใจที่มีรายชื่อ ไม่ได้ถือว่าเป็นทุกขลาภอะไร ส่วนวุฒิสภาจะเลือกหรือไม่ ส่วนตัวไม่รู้สึกว่า ต้องลุ้นเพราะเป็นเรื่องการสรรหาส่วนที่นายเจิมศักดิ์ ระบุว่า มี 3 รายชื่อที่มีความสัมพันธ์กับฝ่ายการเมืองนั้น ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ อาจเป็นเพราะนายเจิมศักดิ์ได้ข้อมูลบางอย่างมาก็เป็นได้
ส.ว.ขั้วทรท.งัดแผนสกัดคนหัวแข็ง
รายงานข่าวจากวุฒิสภา เปิดเผยว่า มีการเคลื่อนไหวของ ส.ว.ขั้วนิยมรัฐบาลพยายามที่จะสกัด นายแก้วสรร อติโพธิ นายนาม ยิ้มแย้ม และนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ โดยในการตั้งกมธ.ตรวจสอบประวัติจะลดขั้นตอนลง ปกติจะมีการตั้งคณะอนุ กมธ.ขึ้นมา สองชุดคือ อนุ กมธ.ตรวจสอบ กระบวนการสรรหา และ อนุ กมธ.ตรวจสอบประวัติทางการเมือง แต่การตรวจสอบประวัติ กกต.ครั้งนี้จะมีเฉพาะอนุกมธ.ตรวจสอบประวัติเชิงลึกและความสัมพันธ์ทางการเมือง โดยจะแบ่งสัดส่วนคณะกมธ. 22 คนออกเป็น 2 ต่อ 1 ขณะนี้มีส.ว.สายขั้นนิยมรัฐบาลหลายคนแสดงความจำนงเข้ามาเป็นกมธ.ประวัติครั้งนี้ด้วย ส่วนใหญ่มาจาก กมธ.ตรวจสอบประวัติ ป.ป.ช. โดยหลายคนสนใจอยากร่วมตรวจสอบประวัติของนายแก้วสรร นายนาม และ นายวสันต์
ทั้งนี้มีอีกรายงานข่าวระบุว่า ตัวเต็งที่คาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.5 คน คือ 1.นายวิชา มหาคุณ 2.นายอุดม เฟื้องฟุ้ง 3.สมชัย จึงประเสริฐ 4.นายประพันธ์ นัยโกวิท ส่วนคนที่ 5 ที่จะเข้ารอบมี 3 ตัวเลือกคือ นายนาม ยิ้มแย้ม นายแก้วสรร อติโพธิ และ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ โดยจะเป็นใครก็ได้เพื่อไม่เกิดข้อครหาเรื่องการบล็อกโหวตหรือถูกสกัดกั้นจากฝ่ายการเมือง
นายประเกียรติ นาสิมมา รักษาการ ส.ว.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ตามที่หนังสือพิมพ์พาดหัวว่า ว่าที่ 10 กกต.ต้องดีเด่นโหด ตนเลยไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรให้ได้ดีเด่นโหด เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า จะต้องเลือกผู้ที่ซื่อสัตย์สุจริต ถ้าตนจะเลือกก็จะเลือกชุดที่สมบูรณ์ที่สุดที่ศาลท่านต้องการ คิดว่า ชุดแรก ที่เลือกตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 138 (2) ซึ่งน่าจะเป็นผู้พิพากษาทั้ง 5 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า นายแก้วสรร และนายนาม ซึ่งสังคมไว้วางใจจะไม่เลือก นายประเกียรติกล่าวว่า ไม่ใช่ไม่เลือก แต่ตนต้องเลือกตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญและเจตนารมณ์ที่ศาลท่านต้องการ เมื่อซักต่อว่า แบบนี้ก็เข้ากับกระแสข่าวที่ออกว่า จะมีการบล็อกโหวต รักษาการ ส.ว.ร้อยเอ็ดกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบและยังได้รับการติดต่อจากใคร ทุกวันนี้ตนก็อยู่ที่บ้านนอกอย่างเดียว
ด้านนายสมบูรณ์ ทองบุราณ รักษาการ ส.ว.ยโสธร กล่าวว่า คนแรกที่ตนเองจะเลือกคือ นายนาม เพราะเป็นคนที่กล้าที่สุดในการทำหน้าที่ประธานอนุ กกต. สอบสวนคดีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง สามารถเอากระดิ่งไปผูกคอแมว ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะสังคมนี้คนเก่งมีมากแต่คนกล้ามีน้อย แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม
อย่างไรก็ตาม นายสมบูรณ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องจับตาคือ ในการลงมติของวุฒิสภา จะมีการแจกเงิน แจกโผ เหมือนการคัดเลือกองค์กรอิสระทุกครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งสังเกตได้ง่ายคือ ในการนับคะแนนเบอร์ผู้สมัครจะเป็นชุดเดียวเหมือนกันทุกครั้ง 1-3-8-9-7 เหมือนกัน 80 คนขึ้นไป ก็แสดงว่า บล็อกโหวต
เวลาจ่ายเงินเลือกองค์กรอิสระต่างๆ จะมีไม่จ่ายก่อนเลือก แต่จะจ่ายหลังทราบผล จะไม่โอนผ่านธนาคารหรือให้เช็ค แต่ใช้เงินสดกันเห็น บางครั้งใส่รถปิกอัพมาแจกกันที่อาคารรัฐสภา เฉลี่ยคนละห้าแสนบาทต่อครั้ง ถ้าคำนวณไว้ว่า ต้องแจก 80 คน จะต้องเสียเงินประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อครั้ง ใครจะยอมจ่ายเงินจำนวนมากได้ นอกจากเศรษฐีการเมือง ซึ่งก็มีไม่กี่คนในประเทศ" นายสมบูรณ์ กล่าว
ด้านนายวิญญู อุฬางกูร รักษาการ ส.ว.มหาสารคาม กล่าวว่า เท่าที่ที่ตนทราบมาตอนนี้เริ่มเคลื่อนไหว บล็อกโหวตแล้ว แต่เขาจะเปลี่ยนรูปแบบใหม่ จากให้เลือกคนที่ต้องการมาเป็นไม่ให้เลือกคนที่ไม่ต้องการ อยากให้ประชาชนจับตาให้ดี คือการเตรียมปล่อยข่าวทำลายผู้สมัครที่อยู่นอกโผ
หน่อย"วอนอย่าเลือกคนเกลียดทรท.
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ความเห็นถึงรายชื่อว่าที่ กกต.ทั้ง 10 คนว่า ตนไม่รู้จักใครเลย มีที่รู้จักก็เป็นบางท่าน แต่ส่วนตัวไม่รู้จักใครเลย แต่ใครก็ได้ที่ทำงาน โดยยึดหลักกติกาที่ถูกต้องและเป็นกลาง ตนถือว่าเป็นประโยชน์ทั้งนั้น ส่วนที่สมาชิกพรรคไม่พอใจรายชื่อนายแก้วสรรก็เป็นความเห็นของแต่ละคน ไม่ใช่หน้าที่ของพรรค ที่จะมาบอกว่า จะเลือกไม่เลือกใคร เป็นหน้าที่ของ ส.ว.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการคัดเลือก กกต.ชุดใหม่ว่า ขอร้องผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่จะเป็นผู้คัดเลือก กกต. ทั้ง 5 คน ขอให้เลือกคนดีที่เป็นกลางจริงๆ อย่าเลือกคนที่แสดงความรังเกียจพรรคไทยรักไทย มาเป็นกกต.เพราะจะทำให้พรรคไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งทั้งศาลและวุฒิสภาก็ทราบว่า ใครไม่ชอบพรรคไทยรักไทย อย่าให้เข้ามาเป็นกกต.เลยเพราะขณะนี้พรรคเองก็โดนใส่ร้ายป้ายสีมามากแล้ว