เมื่อวานซืนพรรคชาติไทยพัฒนาเพิ่งได้ฤกษ์ เปิดป้ายที่ทำการพรรคเป็นทางการ
นายชุมพล ศิลปอาชา ในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นผู้ทำพิธีเปิดตามประเพณี
มีบุคคลสำคัญทางการเมือง นายกฯ รัฐ มนตรี หัวหน้าพรรคต่างๆ มาร่วมแสดงความยินดีตามมารยาท ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
ที่ว่า"ตามมารยาท"นั้นเพราะว่า คนมาร่วมงานคงไม่มีใครรู้สึกยินดีจริงๆ
เพราะรู้ดีว่าพรรคชาติไทยพัฒนานั้น เกิดมาบนความล่มสลายของพรรคชาติไทย
ในบรรดาพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 5 ปี ประกอบไปด้วย พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย
พรรคชาติไทยและนายบรรหาร ศิลปอาชา น่าเห็นใจมากที่สุด
ด้วยเหตุที่ว่าเป็นพรรคเก่าแก่อันดับสองรองจากพรรคประชาธิปัตย์
อีกทั้งนายบรรหารยังเคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรีมาแล้ว
แต่ชะตากรรมเล่นตลก ทำให้ต้องตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว
จำได้ว่าช่วงคดีใกล้ตัดสิน มีการคาดเดาผลไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าพรรคชาติไทยน่าจะรอด บ้างก็ว่าไม่รอด คงถูกยุบพรรคไปพร้อมกับพรรคพลังประชาชน
กระทั่งศาลตัดสินให้ยุบหมดทั้ง 3 พรรค
ก็ยังมีคนอุตส่าห์วิจารณ์ ว่าพรรคชาติไทยตกบันไดพลอยโจน เพราะเป้าหมายยุบพรรคจริงๆ น่าจะอยู่ที่พรรค พลังประชาชนมากกว่า
แต่ต่อมาภายหลังมีการวิเคราะห์ว่า
ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่เขียน"ล็อก" ไว้ในมาตรา 237 จนไม่อาจใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่น นอกจากต้องตัดสินยุบพรรคสถานเดียว
ล่วงเลยจนปัจจุบัน มีการตั้งคณะกรรม การขึ้นมาศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มาตรา 237 เป็นประเด็นสำคัญถูกหยิบยกขึ้นมาดูว่าสมควรต้องแก้ไขปรับปรุง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้นักการเมืองที่ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำทุจริตเลือกตั้งหรือไม่
ในงานเปิดป้ายที่ทำการพรรค นายชุมพลบอกตัวเองมี"เซนส์" ว่าจะได้พรรคชาติไทยและกรรมการบริหารพรรคกลับคืน
ฟังแล้วดูเลื่อนลอยไปสักหน่อย
จะอย่างไรก็ขออย่าให้เซนส์นั้นผิดพลาด เหมือนกับศิลปอาชาผู้พี่เคยเชื่อเซนส์ของตัวเอง ว่าพรรคชาติไทยไม่น่าจะถูกยุบ
แต่สุดท้ายน้องชาย ก็ต้องมาเปิดป้ายพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างที่เห็น