อภิสิทธิ์ ให้เวลานายกฯหายสับสน

"ไม่ตอบรับคำท้าดีเบต"


ความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่ตอบรับคำท้าดีเบตนโยบาย ออกโทรทัศน์และขอให้ใจเย็นๆว่า คงต้องให้เวลา พ.ต.ท. ทักษิณ เพราะยังมีความสับสนในใจถึงอนาคตทางการเมือง

ก็คงต้องรอตรงนี้ก่อน ไม่ได้มีประเด็นปัญหาเรื่องใจร้อนหรือใจเย็นอะไร แต่สิ่งที่พูดเป็นเพียงหลักว่าประชาชนมีสิทธิที่จะรู้ว่าในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ ประชาชนมีทางเลือกอะไรบ้าง ดังนั้น จึงไม่มีอะไรดีไปกว่าให้ทุกคนได้รับรู้รับทราบทางเลือก


"พร้อมเสมอ รอทักษิณหายสับสน"


ผมพร้อมเสมอ ตอนนี้รอคุณทักษิณหายสับสนในจิตใจ และมีความชัดเจนแล้วค่อยมาว่ากัน ผมไม่ได้ คิดถึงความได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ผมมองว่า ขณะนี้บ้านเมืองมีวิกฤติหลายด้าน ประชาชนจำเป็นต้องมีความหวังในทิศทางว่าจะหลุดพ้นจากวิกฤตินี้ได้อย่างไร เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองต้องตอบสนอง นายอภิสิทธิ์กล่าว ยันนโยบายที่ประกาศไปใช้ได้จริง

ส่วนกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่า นโยบายที่ประกาศออกมาอาจจะทำไม่ได้ในทางปฏิบัตินั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคจะมีความชัดเจนว่า นโยบายที่ประกาศออกไปจะดำเนินการในกรอบเวลาใด จะใช้ทรัพยากรเท่าไหร่ หลายเรื่องที่ได้ประกาศไปก็เป็นสิ่งที่ต่อเนื่อง มาจากแนวคิดและการทำงานของพรรคในอดีต หากใครสงสัยอะไรก็สามารถสอบถามมาได้

ทั้งนี้ขอยืนยันว่าหากเข้ามาเป็นรัฐบาล จะทำในสิ่งที่ประกาศไว้อย่างแน่นอน สำหรับกรณีที่นโยบายด้านพลังงานโดนวิพากษ์ วิจารณ์ค่อนข้างมากนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บางคนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เมื่อมีการแถลงชัดเจนว่า เรื่องการลดราคาน้ำมันลิตรละ 2 บาท ก็คือ การถอดภาระของการเก็บเงินเข้ากองทุน และได้เงินมาจากการเพิ่มเงินสัดส่วนเงินปันผลของบริษัท ปตท. ก็คิดว่าหลายคนเข้าใจทันที เช่น นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ ก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้


เรียกร้องผู้สมัครอย่าลืมอุดมการณ์


วันที่ 10 ส.ค. ที่โรงแรมตรัง ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ สำนักฝึกอบรมพรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดฝึกอบรมผู้สมัคร ส.ส. และ ผอ.เลือกตั้งชุดแรกจำนวน 200 คน ที่จะมีการแนะทฤษฎีและปฏิบัติจริงนำไปสู่ชัยชนะเลือกตั้ง โดยนายอภิสิทธิ์เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ตอนหนึ่งว่า ขอให้ผู้สมัคร ส.ส.อย่าลืมอุดมการณ์ของพรรคที่ยึดมากว่า 60 ปี อย่าเอาสิ่งเลวร้ายมาให้หลังได้ชัยชนะ

เพราะได้มาแล้วไม่คุ้ม ขอให้ทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ยึดความถูกต้อง และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพื่อฟื้นฟูศรัทธาให้ประชาชนมั่นใจในระบอบประชาธิปไตย และเห็นแบบอย่างนักการเมืองที่ดี จะช่วยลดวิกฤติของบ้านเมืองด้วย ไม่ใช่เน้นเพียงว่าใครแพ้หรือชนะเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ แม้มี กกต.ที่เข้มแข็ง แต่ถ้าพรรคการเมืองไม่ยึดความซื่อสัตย์สุจริตแล้ว เจตนารมณ์ของประชาชนถูกบิดเบือนด้วยอำนาจเงิน อำนาจรัฐ ความเป็นประชาธิปไตยที่ได้มาย่อมไม่แท้จริง


ชวน กรีด ทักษิณ เชื่อได้ยาก


นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีกิตติมศักดิ์ สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณมีท่าทีไม่ชัดเจนว่าจะประกาศเว้นวรรคทางการเมืองว่า เป็นสิทธิของนายกฯไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์มากนัก เพราะนายกฯเป็นคนพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย และไม่มีความแน่นอนจึงเชื่อได้ยาก

อาจเป็นเพราะขึ้นอยู่กับบรรยากาศท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้สนับสนุน ทำให้นายกฯเกิดความลังเล ส่วนกรณีนายกฯระบุว่าคน กทม.ถูกคนไม่ดีหลอกนั้น ไม่เป็นความจริง คน กทม.มีโอกาสได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากกว่าประชาชนในพื้นที่อื่น จึงรู้ทันการคิดของนายกฯ ส่วนกรณีจะเลื่อนวันเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค.นั้น หาก กกต.ชุดใหม่ยังไม่มีความพร้อม ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป


ระบุนายกฯนกขมิ้น ผิด ก.ม.เลือกตั้ง


นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ทัวร์นกขมิ้นภาคอีสานและจะไปที่ภาคเหนือต่อ โดยอ้างการตรวจราชการบังหน้านั้น ความจริงเป็นการไปหาคะแนนนิยมเอาเปรียบทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ทุจริตการใช้อำนาจที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น ขอสรุปการทัวร์นกขมิ้นครั้งนี้ มีการกำหนดให้นายกฯแจกสิ่งของ

แต่วิตกว่าอาจจะทำผิดกฎหมาย ก็ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆไปแจกสิ่งของที่เตรียมไว้แทน ผิดกฎหมายเลือกตั้ง อยากให้ กกต.ชุดใหม่ดูประเด็นนี้ด้วย การอ้างว่าตรวจราชการบังหน้า แต่ภาพที่ปรากฏ มีอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยล้อมหน้าล้อมหลัง การปราศรัยกับประชาชนในหลายพื้นที่ ไม่ได้เน้นพูดเรื่องการแก้ปัญหาให้ประชาชน อย่างเดียว แต่เน้นพูดหาเสียงเพื่อหวังคะแนนนิยมหลายที่ หลายกรณีนายกฯทักษิณเรียกร้องความสมานฉันท์ แต่การเดินทางทัวร์นกขมิ้นครั้งนี้ นายกฯได้สร้างความแตกแยกมากกว่า ความจริงพื้นที่ที่นายกฯควรไปคือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


กระแสต้านทักษิณขยายไปสู่หัวเมือง


นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกสำนักเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ไปตรวจราชการในภาคอีสาน เป็นการไปหยั่งคะแนนเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากกระแสความนิยมได้เสื่อมถอยลงทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคใต้ที่ยอมยกธงขาวให้พรรคการเมืองอื่น ส่วน กทม.ที่เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว นายกฯรู้ว่าความนิยมของคนกรุงเทพฯลดน้อยลง จนเป็นสาเหตุให้นายกฯ พูดดูถูกเหยียดหยามคนกรุงเทพฯ อีกทั้งขณะนี้สถานการณ์ ได้เปลี่ยนไป

การปฏิเสธระบอบทักษิณ เริ่มขยายผลจากกรุงเทพฯไปสู่หัวเมืองต่างๆในภาคอีสาน และกำลังขยายไปสู่ระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณตัดสินใจลงพื้นที่เพื่อกอบกู้กระแสความนิยมของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง แต่เชื่อมั่นว่าด้วยข้อมูลข่าวสารในยุคนี้ทำให้คนหูตาสว่างขึ้นระบอบทักษิณไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างแน่นอน



แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์