ใครหลอกใครกันแน่?

บทนำมติชน

คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นพิษอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไปพูดกับประชาชนประมาณ 2,000 คน ที่มาต้อนรับคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะเดินทางไปยังบ้านบ่อน้อย ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 8 สิงหาคม โดยไปกล่าวว่า ปัญหาของสังคมไทยเวลานี้คือประชาชนโดนหลอกง่าย เชื่อข่าวลือ อย่าว่าแต่ชาวบ้านธรรมดาเลย แม้แต่คนที่เรียนหนังสือสูงๆ จบออกมาก็ยังโดนหลอก เห็นแล้วเสียดายวิชาความรู้ คนเหล่านี้โดนใครไม่รู้หลอก ก็เชื่อ แต่หากพวกเราทุกคนมีข้อมูลพร้อม ใครจะมาหลอกก็ไม่ได้ คน กทม.ส่วนใหญ่โดนหลอกกันอยู่ ที่สำคัญโดนคนไม่ดีหลอกด้วย น่าเบื่อ

คำพูดจะไม่เป็นพิษได้อย่างไรในเมื่อการระบุว่า คน กทม.ส่วนใหญ่โดนหลอกและรวมถึงคนที่เรียนหนังสือสูงๆ จบออกมาก็ยังโดนหลอกเท่ากับเป็นการสบประมาทคน กทม.อย่างรุนแรง แม้จะไม่ได้บอกว่าคน กทม.คนไหน อยู่เขตใด หากเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาลงคะแนนให้กับผู้สมัครพรรคไทยรักไทยหรือไม่ การเหมารวมเช่นนี้ไม่ได้เป็นความฉลาดของคนพูดเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปบอกว่า โดน "คนไม่ดี" หลอก ยิ่งไปกันใหญ่เพราะใครจะไปรู้ว่า "คนไม่ดี" รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร หน้าเหลี่ยมๆ หรือหน้ากลมๆ หรือหน้าแป้นก็ไม่บอก แล้วใครจะไปรู้เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ถูกหลอก

คน กทม.เป็นคนที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางอำนาจรัฐ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา กระทรวง ทบวง กรม สถานทูตต่างประเทศ ธนาคาร โรงแรม มหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ล้วนอยู่ใน กทม.ที่เป็นเมืองหลวงทั้งสิ้น นอกจากนี้คน กทม.ยังใกล้ชิดกับข้อมูลข่าวสาร สามารถรับสื่อได้อย่างรวดเร็วและเลือกรับได้ตามความพอใจ คน กทม.เป็นคนมีความรู้ มีการศึกษาสูง คน กทม.จำนวนไม่น้อยทำงานเป็นทั้งนักธุรกิจ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทเอกชน ฯลฯ ได้รับเงินเดือนจำนวนมาก ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะมาหลอกคน กทม. ขณะเดียวกัน คนต่างจังหวัดแม้จะมีการศึกษาไม่มากก็ใช่ว่าใครจะไปหลอกได้ง่าย ขอเพียงให้เขาได้รับรู้ข้อมูลเพียงพอและกาลเวลาจะช่วยให้เขาได้เรียนรู้สิ่งผิด โดยถือเอาสิ่งผิดเป็นบทเรียนเพื่อจะได้รู้เท่าทันสิ่งนั้นและจะไม่ยอมให้ใครมาหลอกหลอน ลวงล่อได้อีก

พ.ต.ท.ทักษิณต้องเข้าใจว่า ตนเองได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่าได้เข้าไปแทรกแซง ครอบงำเสรีภาพสื่อ ดังจะสังเกตเห็นว่าสถานีโทรทัศน์ทุกช่องไม่มีช่องใดนำเสนอข่าวสารอย่างจริงๆ จังๆ การเปิดให้เป็นเวทีกลางให้ผู้คนเจ้าของประเทศมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองและการบริหารงานของรัฐบาลก็ไม่มีสถานีไหนนำเสนอรายการสาระแบบนี้ให้คนดู นอกจากนี้การพูดคนเดียว พูดข้างเดียวของ พ.ต.ท.ทักษิณทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์และโทรทัศน์ช่อง 11 ทุกเช้าวันเสาร์ก็ไม่ต่างไปจากการโฆษณาชวนเชื่อเพราะไม่มีใครมาโต้แย้งได้ ในแง่การเมืองถือเป็นการเอาเปรียบกันซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง

เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณพูดว่า คน กทม.ส่วนใหญ่โดนคนไม่ดีหลอกอันแสดงให้เห็นว่า ต้องการจะหมิ่นแคลนน้ำใจคน กทม. โดยคิดว่าคนต่างจังหวัดจะเทคะแนนเสียงให้กับตนเองและพรรคไทยรักไทย จึงไม่ง้อคะแนนเสียงของคน กทม. ก็ควรที่คนไทยที่มีสติสัมปชัญญะจะได้รับรู้ไว้และคงจะใช้วิจารณญาณได้แยกแยะสิ่งผิดสิ่งถูก สิ่งควรไม่ควรได้เอง ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรือชี้นำ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ คนไทยก็คงจะรู้ซึ้งแก่ใจว่า คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ว่า จังหวัดไหนที่เลือกพรรคไทยรักไทย รัฐบาลจะลงไปดูแลช่วยเหลือและจัดสรรงบประมาณให้ก่อนซึ่งคำพูดดังกล่าวถูกตอบโต้จากหลายฝ่ายจน พ.ต.ท.ทักษิณแก้ตัวแทบไม่ทันและไม่พยายามพูดถึงเรื่องนี้อีก นอกจากนั้นเรื่องคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่สร้างความแตกแยก และเกิดความไม่พอใจของผู้คนก็มีมากมาย ปัญหาเก่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณก่อไว้ยังไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไขเลย อยู่ๆ ก็มาสร้างเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาบ้างนอกจากความสะใจของตัวเอง