รัฐบาลหลายพรรคร่วมของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ที่ได้รับการพยุงจากหลายอำนาจในสังคม มาตั้งแต่เริ่มจัดตั้งจนดูภายนอกเหมือนว่าเป็น "รัฐบาล" ที่แข็งแรงในระดับหนึ่งทีเดียว โดยเฉพาะ "พรรคร่วมรัฐบาล" ที่ยกก๊วนกันสลับขั้วมาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ "พรรคประชาธิปัตย์" ในภาวการณ์การเมืองที่เปราะบาง ย่อมไม่อยากย้ายขั้วไปเสี่ยงคมหอกคมดาบกับฝ่าย "เพื่อไทย" อีกครั้ง
ที่สำคัญ "พรรคภูมิใจไทย" ของ "เนวิน ชิดชอบ" และ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" ที่ถือได้ว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตัวแปรสำคัญในการชี้อนาคตรัฐบาลนั้นเหนียวแน่นกับประชาธิปัตย์ตลอดมา
เนื่องจากที่ผ่านมา "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" และ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ "พรรคภูมิใจไทย" เป็นพิเศษกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ของ "เนวิน ชิดชอบ" หัวหน้ากลุ่ม รวมไปถึง "มัชฌิมาธิปไตย" ของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน"
แต่จู่ๆ "อภิสิทธิ์" กลับหักหน้า "ภูมิใจไทย" อย่างแรง ด้วยการอนุมัติให้ "คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" ที่แต่งตั้งให้ "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" รองนายกรัฐมนตรี จากประชาธิปัตย์เป็นประธาน ในการดูแลเรื่องการระบายข้าวโพดในสต๊อครัฐบาล "4 แสนตัน"
ซึ่งเท่ากับว่า สิ่งที่ "พรทิวา นาคาศัย" รมว.พาณิชย์ จากกลุ่มมัชฌิมาธิปไตยของพรรคภูมิใจไทย หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่าจะขายข้าวโพด 4 แสนตัน ที่ได้เดินหน้าประมูลราคามาแล้ว โดยอ้าง "มติ ครม.เดิม" ในสมัย "รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช" ที่ให้ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมการการระบายข้าวโพดและดำเนินการตาม
จน "อ้อยจะเข้าปากช้าง" อยู่แล้ว แต่กลับถูกง้างปากฝักข้าวโพดหลุดลอยออกไปทันที
และหากเป็นแค่เรื่อง "ข้าวโพดๆ" คงไม่สามารถสร้างรอยปริแยกให้กับรัฐบาลได้
แต่ว่ากันว่าหากโครงการนี้ผ่าน "พรรคการเมืองตั้งใหม่"จะยิ้มแก้มปริ เตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งใหม่แบบสบายๆ
ซึ่ง "พรทิวา" นั้นได้เดินหน้าตามโครงการที่ได้เปิดประมูลให้กับผู้ส่งออก 4 ราย มาตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่ง แต่ "กอร์ปศักดิ์" กลับแสดงความไม่เห็นด้วยที่จะเปิดให้ผู้ส่งออกมาประมูล เพราะเห็นว่าควรขายข้าวโพดในสต๊อครัฐบาลแบบ "จีทูจี" คือ "รัฐบาลไทย" ขายตรงกับ "รัฐบาลต่างประเทศ" โดยให้เหตุผลว่า ไม่ต้องการให้เกิดการสวมสิทธิจำนำข้าวโพด
ทำให้ "พรทิวา" และ "กอร์ปศักดิ์" ขัดแย้งกันมาตลอด จนกระทั่งถึงขีดสุด "พรทิวา" ได้นัดกินหูฉลามย่านสุรวงศ์ กับ "รัฐมนตรี" ของ "พรรคร่วมรัฐบาล" พรรคหนึ่ง ที่เป็นเจ้ากระทรวงใหญ่ริมถนนราชดำเนิน ที่มีปัญหากับ "กอร์ปศักดิ์" มาปรับทุกข์ร่วมกัน
โดยข้อสรุปบทโต๊ะหูฉลาม ร้ายแรงถึงขนาดต้องการทำให้ "กอร์ปศักดิ์" พ้นจากเก้าอี้ "รองนายกฯ" ไป ในการปรับ ครม.วาระ 6 เดือนของประชาธิปัตย์ตามสัญญาใจในการหมุนเวียนเอาผู้ที่ไม่ได้สัมผัสเก้าอี้รัฐมนตรีเข้ามา
และเมื่อ "มัชฌิมาธิปไตย" เล่นแรงถึงขั้นยื่นโนติสให้ "ประชาธิปัตย์" เปลี่ยน "รองนายกฯ" คนนี้ กระบวนการหักหน้า "พรทิวา" ด้วยการยึดสมบัติ "กระทรวงพาณิชย์" ชิ้นหนึ่งกลับไปเก็บไว้ในมือ "ประชาธิปัตย์" ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ สามารถสร้าง "รอยปริแยก" ภายใน "รัฐบาลหลายพรรคร่วม"
หากคำว่า "สองมาตรฐาน" ที่ "พรทิวา" กล่าวออกมาพร้อมน้ำตาคลอเบ้า กลางห้องประชุม ครม.นั้นไม่ได้หมายความแค่ให้ "อภิสิทธิ์" ปฏิบัติกับ "พรรคร่วมรัฐบาล" เหมือนกับ "พรรคประชาธิปัตย์"
แต่หมายรวมไปถึงให้ปฏิบัติกับ "กระทรวงพาณิชย์" เหมือนกับที่ปฏิบัติกับกระทรวงอื่นๆ" ที่ "ประชาธิปัตย์" ดูแลเต็มที่ อย่าง "มหาดไทย" และ " คมนาคม" ของ "กลุ่มเพื่อนเนวิน"
ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าภายในของ "ภูมิใจไทย" นั้น กระเป๋า "เนวิน" ไม่ใช่กระเป๋า "มัชฌิมาธิปไตย" และกระเป๋าของ "มัชฌิมาธิปไตย" ก็ไม่ไหลเข้ากระเป๋า "ภูมิใจไทย" ที่ "เนวิน" เป็นเจ้าของ
ที่สำคัญคือ "มัชฌิมาธิปไตย" ที่มีเลือดแท้เหลืออยู่เพียง 4-5 คน อาจจะหมดความหมายกับ "ภูมิใจไทย" แล้วก็ได้...
เบื้องลึกศึกสต๊อคข้าวโพด สะท้อนรอยปริแยกภูมิใจไทย
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เบื้องลึกศึกสต๊อคข้าวโพด สะท้อนรอยปริแยกภูมิใจไทย