ดอดขอจดทะเบียนตั้ง"พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"ตั้งแต่24เม.ย. ชื่อย่อ "พ.ป.ป."หรือ PAD รอตรวจสอบกฎหมายอีกครั้ง
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผย ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ว่า สำนักกิจการพรรคการเมืองได้รับการประสานขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมือง โดยใช้ชื่อ "พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" (พ.ป.ป.) และมีชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า PAD แล้ว ซึ่งพรรคดังกล่าวได้ยื่นขอจดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ตามกฎหมายกำหนด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตรวจสอบถึงกระแสข่าวกลุ่มพันธมิตรซื้อหัวหรือเทกโอเวอร์พรรคประชาภิวัฒน์และพรรคเทียนแห่งธรรมหรือไม่
นายสุทธิพลกล่าวว่า จะไปว่าซื้อหัวพรรคไม่ได้ เพราะในหลายๆพรรคที่มีการจัดตั้งแล้ว บางพรรคอาจจะมีการประชุมเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคใหม่และมีการประชุมตามระเบียบของ กกต. และ กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบว่ามีการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่เท่านั้น ถ้าทำถูกต้องก็ให้การรับรอง
ส่วนกรณีบุคคลที่เคยล้มละลาย หรือมีคดีความติดตัว สามารถนั่งเป็นกรรมการบริหารพรรคได้หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า ต้องไปดูข้อกฎหมายและข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่าการตั้งพรรคดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นการฮั้วกันทางการเมืองหรือเป็นสาขาให้พรรคประชาธิปัตย์ นายสุทธิพลกล่าวว่า ต้องดูว่าถ้ามีการร้องเรียนเข้ามาหรือความปรากฏว่าขัดต่อกฎกติกา ต้องดำเนินการตรวจสอบ ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.กล่าวว่า การตั้งพรรคพันธมิตรฯ คงต้องรอการตรวจสอบจากทางสำนักกิจการพรรคการเมืองก่อนว่าจะให้ใช้ชื่อนี้ได้หรือไม่ เพราะการตั้งชื่อพรรคการเมืองจะต้องไม่เป็นการสร้างความสับสน และต้องไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกในเรื่องเชื้อชาติหรือศาสนา ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และไม่ขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยของประเทศ
พรรคพันธมิตรขอจดแจ้งพรรคแล้ว ใช้ชื่อย่ออังกฤษ PAD
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตร กล่าวว่า เท่าที่ทราบเบื้องต้นการจัดตั้งพรรค "พ.ป.ป."ที่มีการจดแจ้งกับ กกต.คิดว่าคงเป็นแนวร่วมที่ไปจดแจ้งจัดตั้งพรรคเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาภิวัฒน์ หรือพรรคเทียนแห่งธรรมก็ตาม ยืนยันว่าการจัดตั้งพรรคพันธมิตรไม่ใช่มติจากแกนนำ ส่วนข้อสรุปจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นจะต้องมีการสอบถามจากที่ประชุมใหญ่ของพันธมิตรในวันที่ 24-25 พฤษภาคมนี้ หากพันธมิตรจัดตั้งพรรคการเมืองจะต้องทำให้มีการเมืองใหม่ให้ได้ และการดำรงอยู่ของกลุ่มพันธมิตรในภาคประชาชนก็ยังต้องมีต่อไป ทั้งนี้ขณะนี้ยังมีเวลาคิดอีกมากกว่าพันธมิตรจะตั้งพรรคจริงหรือไม่
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนเพื่อประเทศไทย ในฐานะแนวร่วมกลุ่มพันธมิตร อดีตผู้ก่อตั้งพรรคพลังธรรม กล่าวว่า
มองว่าหาก 5 แกนนำพันธมิตรมาทำพรรคการเมืองเองแล้ว การเรียกประชุมใหญ่โดยใช้บทบาทในฐานะแกนนำอาจมีปัญหาได้ ดังนั้น 5 แกนนำพันธมิตรควรรักษาสถานภาพของตนเองไว้ ล่าสุดเคยพูดกับ 5 แกนนำพันธมิตรแล้วว่าจะทำพรรค จนล่าสุดก็จะขอมติในที่ประชุมพันธมิตร ที่จะถึงนี้ด้วย อีกทั้งที่ผ่านกลุ่มพันธมิตรทำได้แค่เปลี่ยนรัฐบาลเท่านั้น แต่การพัฒนาประชาธิปไตยในสังคมไทยยังมีปัญหา และยังไม่สามารถเปลี่ยนระบอบเผด็จการในรัฐสภาได้ และยิ่งหากพันธมิตรตั้งพรรคแล้วไปสู้ในระบอบเผด็จการรัฐสภาก็ไม่ใช่หนทาง เพราะการเมืองยังเก่าอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
"ที่นายประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรรุ่น 2 บอกว่าจะใช้โมเดลพลังธรรมผสมพรรคประชาธิปัตย์ตั้งพรรคของพันธมิตรนั้นนายประพันธ์ได้เสนอในการต่อสู้เท่านั้น ถามว่านายประพันธ์ได้เคยอยู่พลังธรรมและพรรคประชาธิปัตย์มามากน้อยเท่าไรรู้ลึกจริงหรือไม่ ส่วนจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของพันธมิตรหรือไม่ยังไม่ทราบและที่บอกว่าใช้โมเดลพลังธรรมนั้นคงเป็นเพราะเป็นพรรคสุดท้ายที่ต่อสู้เชิงอุดมการณ์ล่าสุดที่จบไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว การต่อสู้เชิงอุดมการณ์นั้นพรรคพลังธรรมไม่ใช่ทำเป็นพรรคแรกแต่ก็ยอมรับว่าพรรคนี้ก็มีจุดอ่อนและจุดแข็ง?
ผู้สื่อข่าวถามว่า พันธมิตรมีแนวคิดจะใช้พรรคประชาภิวัฒน์ที่จดแจ้งกับกกต.แล้วหรือไม่นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า เคยแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ก่อตั้งพรรคแล้ว ยืนยันพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง แต่ให้แนวคิดเหมือนกับตนเท่านั้น แต่ยังไม่ทราบว่าพันธมิตรจะใช้พรรคดังกล่าวหรือไม่
นายไชยวัฒน์กล่าวว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ตนได้พูดคุยเมื่อครั้งที่ถูกจับกุมและคุยกันในคุกเมื่อช่วงพันธมิตรชุมนุมยึดทำเนียบ ซึ่ง พล.ต.จำลองบอกว่าอยากจะพักผ่อนแล้ว
แม้ขณะนี้พล.ต.จำลองจะออกมาเสนอโมเดลการทำพรรคของพันธมิตรในรูปแบบพลังธรรมก็ตามถือเป็นสิทธิของ พล.ต.จำลอง ส่วนการประชุมใหญ่ของพันธมิตรที่เมืองทองธานีในวันที่ 24-25 พฤษภาคมไม่ได้ร่วมประชุมด้วย เพราะไม่ได้รับเชิญ อีกทั้งช่วงหลังการพูดคุยกับ 5 แกนนำพันธมิตรก็ไม่เข้าร่วมแล้ว ยืนยันไม่ได้ขัดแย้ง แต่มีความแตกต่างทางความคิดเท่านั้น และขณะนี้เห็นว่าการทำการเมืองภาคประชาชนสำคัญกว่าการตั้งพรรคการเมืองด้วยซ้ำ เพราะภาคประชาชนยังไม่เข้มแข็ง
เมื่อถามว่า พันธมิตรขู่จะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการชุมนุมใหญ่ นายไชยวัฒน์กล่าวว่า
"อะไรก็จะชุมนุมนั้นไม่น่าจะเป็นทางออก เพราะวันนี้เห็นว่าควรต้องสลายสีเพื่อบ้านเมือง และไม่เห็นด้วยกับสีขาว เพราะฉกฉวยโอกาสไม่จริงใจเท่าที่ควรแทนที่สลายสีแต่ดันเพิ่มอีกสี ต้องปรับแนวคิดและวัฒนธรรมทางการเมืองให้ได้ก่อน ส่วนผมจะร่วมคัดค้านกับพันธมิตรหรือไม่ต้องถามก่อนว่าจะเคลื่อนไหวอะไร"