กรุงเทพธุรกิจ
9 สิงหาคม 2549 15:03 น.
´อภิสิทธิ์´ประกาศวาระประชาชน สู้ศึกเลือกตั้ง เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง และพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงในวันนี้ โดยประกาศ"วาระประชาชน" ที่จะใช้สู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ ยึดหลักให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างแท้จริง ขณะที่นโยบายด้านเศรษฐกิจจะไม่เน้นที่ตัวเลขจีดีพี แต่เห็นว่าจะต้องเติบโตอย่างสมดุล ยั่งยืน เป็นธรรมและมีคุณภาพ โดยวางบทบาทเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติซื่อสัตย์ รู้เท่าทัน รับฟังความเห็นรอบด้าน กล้าตัดสินใจ รวดเร็วรอบคอบ
บ้านเมืองกำลังประสบวิกฤติ การบริหารประเทศจะต้องกำหนดทิศทางในแนวทางใหม่ นอกเหนือจากการปฏิรูปการเมืองแล้ว พรรคเห็นว่าควรจะมีนโยบายสาธารณะที่เรียกว่าวาระประชาชน โดยประชาชนเพื่อประชาชน ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา การเมืองในประเทศทำให้ประชาชนถลำลึกลงไปในวิกฤติ จึงต้องเร่งแก้ไข
การบริหารราชการของรัฐบาลชุดปัจจุบันก่อให้เกิดปัญหาหลายด้านทั้งทางสังคม และเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์จึงเสนอแนวคิดจะปรับปรุงนโยบายที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างความพอใจให้ประชาชนทุก คน อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีความสันติสุข และอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม ไม่ใช่การลอกหรือต่อยอดนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทย
วาระประชาชนในด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน กำหนดว่า หากพรรคเป็นรัฐบาลจะลดภาระค่าพลังงาน ค่าไฟฟ้า และค่าก๊าซหุงต้ม โดยเสนอให้กระทรวงการคลังเปลี่ยนนโยบายการจ่ายปันผลของบมจ.ปตท.(PTT)เป็นร้อยละ 50 จาก ร้อยละ 30 เพื่อนำเงินไปใช้ชดเชยในด้านต่าง ๆ น่าจะทำให้ประชาชนใช้น้ำมันได้ถูกลงประมาณ 2 บาท/ลิตร หรือกรณีค่าก๊าซหุงต้ม เสนอให้เก็บภาษีพิเศษจากการส่งออกก๊าซ เพื่อมาชดเชยให้ผู้ค้าในประเทศ
ส่วนแนวคิดการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ เสนอให้ปรับขึ้นอีก 13 บาทสำหรับแรงงานในกรุงเทพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นระดับที่เหมาะสมกับค่าครองชีพปัจจุบันและเชื่อว่าเจ้าของกิจการรับได้ ไม่กระทบกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะที่จะมีการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นในระดับหมู่บ้านเพื่อให้เงินกู้ยืมและเงินให้เปล่ากับประชาชน
ส่วนแนวทางด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจว่า จะสนับสนุนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแต่จะต้องแยกบทบาทองค์กรให้ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นทรัพย์สินสาธารณะที่ไม่สามารถแปรรูปได้ เช่น กรณีการแปรรูปกิจการไฟฟ้า จะต้องไม่โอนสินทรัพย์ที่เป็นเขื่อน หรือที่ดินเวนคืนให้กับบริษัทจำกัด เพราะถือเป็นสมบัติของชาติที่จะนำไปแปรรูปไม่ได้
นอกจากนั้น ยังสนับสนุนแนวทางการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA)กับประเทศต่าง ๆ แต่จะต้องเปิดเผยรายละเอียดทุกขั้นตอนต่อประชาชน และขอความเห็นชอบต่อรัฐสภา อีกทั้งเห็นว่าควรมีประเด็นที่จะยึดไว้คือไม่รวมเรื่องทรัพย์สิน
ทางปัญญา และในการเจรจาสินค้าเกษตรต้องมองไปถึงการอุดหนุนภายในประเทศด้วย
พรรคยังมีแนวคิดที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เช่น การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ภาคกลาง การส่งเสริมการค้าชายแดนในจังหวัดตามแนวตะเข็บชายแดน และจะปรับเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุนที่ขัดต่อ WTO ส่งเสริมการนำพลังงานทดแทนมาใช้ในระดับชุมชน
ในด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประเทศ จะยึดประชาชนเป็นหลักและจัดลำดับความสำคัญ เพราะในช่วงที่ผ่านมา 5 ปี โครงการไม่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลไม่มีกติกาที่ชัดเจน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงนโยบายด้านการศึกษาว่าจะสนับสนุนให้เด็กได้เรียนฟรี จัดตั้งกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาโดยไม่มีข้อจำกัด และดูแลคุณภาพชีวิตตั้งแต่ยังไม่เกิด พรรคเห็นว่าควรจะจัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 2 หมื่นล้านบาทเพื่อนำไปชดเชยค่าใช้จ่ายที่แต่ละโรงเรียนเก็บจากผู้ปกครอง และจะต้องปรับปรุงมาตรฐานโรงเรียน
สำหรับการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ จะต้องมีการปรับบัญชีใหม่ให้สอดคล้องกับระบบงาน เปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายโบนัส โดยอาจนำผลสำเร็จที่หน่วยงานต่าง ๆ ประหยัดค่าใช้จ่ายมาเป็นเงื่อนไขการคิดโบนัส และลดอัตรากำลังหน่วยงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำเงินมาจ่ายโบนัสให้ผู้ที่ทำงานมีประสิทธิภาพ
เรื่องบุคลากร ครู และแพทย์ที่ขาดแคลน และมีปัญหาเรื่องการกระจายตัว จะมีการให้สิทธิคนในพื้นที่ในการศึกษาในสาขาครูและแพทย์ให้มากขึ้น โดยมีข้อผูกมัดว่าจะต้องกลับไปรับใช้ท้องถิ่น และเพิ่มบทบาทมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดจ้างครูหรือแพทย์ในอัตราพิเศษได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงนโยบายการแก้ไขปัญความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ว่า จะเน้นการใช้ความยุติธรรมเข้าไปดูแลปัญหา ภายใต้นโยบายใต้สันติ พื้นองค์กรศอ.บต.แต่จะเพิ่มภารกิจและผนวกแนวคิดและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระ เพื่อความสมานฉันท์ ส่งเสริมการค้าชายแดนในพื้นที่ 3 จังหวัด จัดตั้งศูนย์การศึกษาอิสลามนานาชาติ และศูนย์วัฒนธรรมที่มีอยู่หลากหลาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคจะประกาศให้รู้ว่านโยบายในแต่ละด้านจะต้องใช้งบประมาณเท่าใด ซึ่งภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า และจัดลำดับงานที่จะทำให้เป็นรูปแบบที่ชัดเจนว่าจะสามารถทำได้ภายในกรอบเวลาเท่าใด และใช้เงินเท่าไร