มาร์คยอมรับงบฯซื้ออาวุธมีปัญหาติดม.190 ส.ส.พท.ขู่ล่าชื่อยื่นศาลรธน.ตีความพ.ร.ก.กู้เงิน4แสนล.


นายกฯแจงเหตุกู้เงิน 8 แสนล้าน จำเป็นต้องช่วยเสริมสภาพคล่องคลัง พร้อมกระตุ้นศก. บอกหนี้สาธารณะพุ่ง 60%ไม่น่าตกใจ เป็นเรื่องปกติ มั่นใจพาชาติฝ่าวิกฤตได้ ยอมรับงบฯกองทัพซื้ออาวุธมีปัญหา ติดปม ม.190 เพื่อไทยชี้ พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน เลี่ยงให้สภาตรวจสอบ ขู่ล่าชื่อ ส.ส.ยื่นศาลรธน.ตีความ

 
"มาร์ค" มั่นใจฝ่าวิกฤตศก.ได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์Ž ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.) ถึงแนวนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ว่า เงิน 1.5 ล้านล้านบาทที่จะลงทุนใน 3 ปีข้างหน้า มีเงินประมาณ  8 แสนล้านบาท ที่จะมาจากการกู้เงินในประเทศ  เช่น ออกพันธบัตร  โดยเงิน 6 แสนล้านบาทเอามาลงทุน อีก 2 แสนล้านบาทมาบริหารความคล่องตัวในทางการคลัง หลังเงินภาษีอากรหายไป
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนแรกเป็นเงินจำเป็นเร่งด่วน 2 แสนล้านบาท มาบริหารจัดการ อีก 2 แสนล้านบาท มาทุนในโครงการที่พร้อมแล้ว ดังนั้นจะเสนอพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้านบาท เกินกรอบที่กำหนดไว้ในกฎหมายปกติ คือ กฎหมายหนี้สาธารณะ กฎหมายวิธีการงบประมาณ แต่การเสนอ พ.ร.ก. เราจะเอารายละเอียดของโครงการ 2 แสนล้านบาทให้สมาชิกรัฐสภารับรู้แล้วให้ความเห็นได้ และอีก 4 แสนล้านบาทที่ไม่เร่งด่วนจะทำเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ซึ่งสมาชิกรัฐสภามีเวลาตรวจสอบว่าเงิน 4 แสนล้านนำไปใช้อะไร กระบวนการทั้งหมดโปร่งใส

"เมื่อดำเนินการอย่างนี้หนี้สาธารณะอาจจะสูงขึ้นไปร้อยละ 60 ของรายได้ประชาชาติ ตามมาตรฐานสากลเป็นระดับที่ยอมรับกันได้ และประเทศอื่นใช้แนวทางเดียวกันหมด เมื่อดูแล้วประเทศอื่นหนี้สาธารณะสูงกว่าเรา ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ ไม่ใช่เรื่องบริหารจัดการผิดพลาด เป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจทุกประเทศที่เชื่อมกับเศรษฐกิจโลก แต่สิ่งที่เราทำคือเพิ่มความเข้มแข็งพื้นฐานให้กับเศรษฐกิจ ผมมั่นใจแนวทางนี้จะฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ได้" นายกฯกล่าว

ชี้งบฯกองทัพซื้ออาวุธมีปัญหา

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องงบประมาณของกองทัพที่มีการวิจารณ์กันมาก ก่อนอื่นต้องให้ความเป็นธรรมกับกองทัพ ซึ่งตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ย้อนหลังไป 10 ปี กองทัพได้รับงบประมาณน้อยมาก และเพิ่งรับงบเพิ่มขึ้นใน 2 ปีที่ผ่านมา แต่เทียบกับการใช้จ่ายประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคยังน้อยมาก ทราบมาว่าการปรับงบประมาณมีปัญหาคือ ความพร้อมดำเนินการ

"ในการซื้อยุทโธปกรณ์เป็นแบบรัฐต่อรัฐ ดังนั้นค่อนข้างมีปัญหาเพราะติดขัดมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งการเจรจากับประเทศอะไรก็ต้องเข้าสู่สภา แต่การจัดซื้ออาวุธ เขามีปัญหาเรื่องการนำข้อมูลออกไป ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ จึงให้กองทัพไปดูว่ามีวิธีการอย่างไรในการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ที่มีความจำเป็นและที่มีปัญหา และให้สำนักงบประมาณไปดูว่าจะมีวิธีการจัดหางบประมาณอย่างไร แต่ทุกคนต้องยอมรับสภาพ" นายกฯกล่าว

"เพื่อไทย"ขู่ยื่นตีความ"พ.ร.ก.กู้เงิน"
 
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า กรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมกู้เงิน 8 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนของรัฐบาลตาม แผนปฏิบัติการ : ไทยเข้มแข็ง 2555Ž โดยจะมีการออก พ.ร.ก.กู้ 4 แสนล้านบาท และออก พ.ร.บ.กู้เงินอีก 4 แสนล้านบาทนั้น ทำไมกระทรวงการคลังไม่ออก พ.ร.บ.กู้เงินเป็นฉบับเดียว  8 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐสภามีโอกาสร่วมพิจารณาความเหมาะสม และการออก พ.ร.ก.กู้ส่วนแรก 4 แสนล้านบาท อาจเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 และ 185 (เกี่ยวกับการออก พ.ร.ก.) ฉะนั้น หากมีการออก พ.ร.ก. พรรคเพื่อไทยจะเข้าชื่อ ส.ส.1 ใน 5 ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความต่อไป

"วันนี้ นายกฯนำวิกฤตการเมืองมาเบี่ยงเบนการแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่ล้มเหลว ซึ่งนายกฯต้องแก้ไขทั้ง 2 วิกฤต ประชาชนต้องการนายกฯที่ถนัดแก้วิกฤต ไม่ใช่ถนัดกู้เงินและขึ้นภาษี ฉะนั้นในอนาคตนี้ พนันได้เลยว่า รัฐบาลจะขายรัฐวิสาหกิจเพื่อหาเงินแน่นอน" นายพร้อมพงศ์กล่าว 

เย้ยทีมเศรษฐกิจมือใหม่หัดขับ

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า หากย้อนประวัติศาสตร์ดู นายกฯและ ครม.เศรษฐกิจชุดนี้ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ใช้เงินตัวเองเล่นหุ้น 6 เดือน เจ๊งร้อยกว่าล้านบาท ฉะนั้น การกู้หนี้ 8 แสนล้านบาทครั้งนี้ ตนชื่นชมนายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่กระตุกและเหยียบเบรกไว้ คนเก่งๆ ที่กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำแบบนี้ทำไมนายกฯไม่แต่งตั้งเป็นรองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ทำให้วันนี้ครม.เศรษฐกิจชุดนี้เป็นมือใหม่หัดขับที่ทำงานล้มเหลว

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า รัฐบาลนี้ยังถนัดขึ้นภาษีน้ำมัน ทำให้ต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น การขึ้นภาษีราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นทันที 60 สตางค์ต่อลิตร ขอถามว่านายกฯมีมาตรการป้องกันสินค้าหนีภาษีและน้ำมันเถื่อนในภาคใต้ได้หรือไม่ เพราะภาคใต้คือพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ และใครบางคนในพรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้หรือไม่ ส่วนการพิจารณาภาษีมรดกและภาษีที่ดินนั้น รัฐบาลเคยพูดแต่ไม่รู้ว่าจะกล้าทำหรือไม่ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยสนับสนุนการนำหวยใต้ดินขึ้นมาเป็นหวยบนดิน เพราะจะสร้างรายได้ให้รัฐปีละ7-8หมื่นล้านบาท แต่ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะกล้าทำหรือไม่ หรือกลัวจะเฉือนเนื้อพรรคพวกตัวเอง 

"เพื่อไทย" จี้เลิกพ.ร.ก.กู้4แสนล.

นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่รัฐบาลเตรียมออก พ.ร.ก. และ พ.ร.บ.กู้เงิน 8 แสนล้านบาท ว่า เป็นการใช้กฎหมายกู้เงินโดยไม่ผ่านการตรวจสอบของสภา หลีกเลี่ยงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายตาม พ.ร.บ.งบประมาณที่จะต้องให้สภามีการอภิปราย รัฐบาลฉวยโอกาสโดยอ้างภาวะเศรษฐกิจ กู้เงินจำนวนมากมาจัดทำเป็นเงินนอกงบประมาณโดยมีเจตนาไม่สุจริต จึงขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ทบทวนการออก พ.ร.ก.ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคหนึ่งและวรรคสอง โดยเสนอให้กู้เฉพาะในส่วนเสริมสภาพคล่องเงินคงคลัง 2 แสนล้านบาทที่มีสาเหตุมาจากการจัดเก็บรายได้ที่ต่ำกว่าเป้าหมายเท่านั้น และขอให้ยกเลิกการออกพ.ร.ก.กู้เงินอีก 4 แสนล้านบาท เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงการจัดทำงบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณที่จะต้องตรวจสอบและได้รับความเห็นชอบจากสภา

"เห็นใจรัฐบาลที่จำเป็นต้องกู้เงินในภาวะที่เศรษฐกิจทรุดตัว แต่รัฐบาลควรกู้เงินและใช้เงินอย่างตรงไปตรงมา อย่าทำให้สังคมคลางแคลงใจ ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.งบประมาณโดยร่วมมือกับสภา ซึ่งรัฐบาลมีเสียงข้างมากอยู่แล้ว เพียงแต่นายอภิสิทธิ์ ต้องอดทนรับฟังข้อเสนอจากสภาเท่านั้น และถ้า พ.ร.บ.งบประมาณติดขัดข้อจำกัดการกู้เงิน ก็สามารถใช้กลไกทางกฎหมายที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ทำได้ในการปลดล็อกข้อจำกัดเป็นการชั่วคราวโดยเฉพาะในการแก้วิกฤตเศรษฐกิจ" นายคณวัฒน์กล่าว

ตั้ง5ฉายารัฐบาล"มาร์ค"

นายจิรายุ  ห่วงทรัพย์ คณะทำงานโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า  พรรคได้รับข้อความและข้อร้องเรียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 1 พฤษภาคม 2552 ที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยประชาชนช่วยกันตั้งฉายารัฐบาล 5 เรื่องได้ดังนี้
 
1."นักสู้กู้สิบทิศ"  ที่ลงทุนสร้างหนี้ 8แสนล้านบาท  โดยมีนายอภิสิทธิ์ เป็นนักแสดงนำ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นผู้กำกับ 
2."รัฐบาลเนียน" คือ ทำอะไรที่ไหลลื่น  ทั้งๆ ที่ปัญหามากมายกลับไม่ได้รับการแก้ไข รวมทั้งไม่มีคำตอบชัดเจนให้ประชาชน แต่รัฐบาลกลับทำเนียน บริหารประเทศแบบซื้อเวลา 
3."รัฐบาลสายรุ้ง" คือ สีเหลืองของพันธมิตรที่ดูแล สีแดงคือ การปราบปรามในช่วงสงกรานต์ สีเขียวคือ ทหารที่ปราบสินค้าลิขสิทธิ์ที่ย่านพัฒน์พงษ์  สีน้ำเงินคือ กลุ่มกองโจรติดอาวุธ  สีกากีคือ ตำรวจบางนายที่เกี่ยวข้อง  สีม่วงคือกรม "กร็วก" หอยม่วง  เตี้ยอุ้มค่อม คอยเป็นโทรโข่ง และสีดำคือ ยุคมืดในระบอบประชาธิปไตย 

4."รัฐบาลเช็กช่วยเชียร์" โดยใช้เงิน 2 หมื่นล้านบาทหมดแล้ว หลังจากแจกเช็คช่วยชาติ และโครงการต้นกล้าอาชีพ ซึ่งเป็นลักษณะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และหาเสียงล่วงหน้า และ
5."ทีมโทรโข่งเน่าเฝ้าแต่สร้างความขัดแย้ง"  เพราะนายกฯยังบอกว่าทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์และโฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคให้เบาๆ ลง แต่คนพวกนี้ยังทำต่อไปอีก

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์