คมชัดลึก : “ อภิสิทธิ์ ” บอกรู้ตัวดีว่าอยู่ไหนช่วงที่มีการทุบรถในกระทรวงมหาดไทย ยืนยันพร้อมฟังความเห็นทุกฝ่ายกับการแก้รัฐธรรมนูญ ที่สำคัญอย่าเอาความขัดแย้งไปแก้บนท้องถนน แต่ต้องใช้กระบวนการของสภาฯ
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 10 พฤษภาคม ที่ห้องรับรองท่าอากาศยานภูเก็ต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในชุดแต่งกายลำลองก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครหลังจากได้หลบมาพักผ่อนในช่วงวันหยุด ว่า ถือว่าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะไม่ได้พักผ่อนอย่างนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่กลุ่ม นปช. ออกมาบอกว่า ในวันที่เกิดเหตุการณ์ทุบรถในกระทรวงมหาดไทยนั้น นายกฯ ไม่ได้อยู่ในรถ โดยนายอภิสิทธิ์ ตอบสั้นๆ ว่า หากอยู่ในรถคันอื่น ก็อาจจะไม่ได้มายืนอยู่ที่นี่ ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นตนรู้ว่าอยู่ที่ไหน และถือว่าเป็นเรื่องแปลก ซึ่งพยานมีมากมาย โดยเฉพาะสื่อมวลชนซึ่งในวันนั้นได้ไปร่วมแถลงข่าว และในระหว่างขึ้นรถก็มีสื่อมวลชนที่เห็นโดยมีบางช่องที่บันทึกภาพเห็นชัดเจน
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคฯ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ให้ฟังความเห็นของประชาชนก่อน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดว่า กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นกระบวนการที่ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วม
โดยในส่วนของตนก็ได้เสนอให้สภาฯ ดำเนินการในเรื่องนี้ และได้แสดงความคิดเห็นชัดเจนว่า ให้สภาฯ เปิดกระบวนการให้กว้าง เพราะหากมีการแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นที่ละเอียดอ่อน โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในลักษณะที่สร้างสรรค์ใช้เหตุใช้ผล จะทำให้จุดประสงค์ที่จะให้มีการแก้ปัญหาเรื่องของความสมานฉันท์สร้างความปลองดองกจะไม่ได้ผล
ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุด คือจะต้องเปิดกว้าง ลดความขัดแย้งด้วยการมาใช้เหตุและผล เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ส่วนของระยะเวลานั้นคงต้องขึ้นกับคณะกรรมการของสภาฯ โดยรัฐบาลก็เปิดให้สภาฯพิจารณาไปอย่างอิสระ ซึ่งถือเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ เข้าใจว่าในการประชุมกันก็เริ่มที่จะมีการพูดถึงเรื่องของกรอบระยะเวลากันบ้างแล้ว ซึ่งไม่ทราบว่าในที่สุดจะเป็นอย่างไร เพราะหากมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก็จะใช้เวลาพอสมควร
ส่วนที่ประชาชนมองว่า นักการเมือง หรือพรรคการเมือง ยังคงมีการโต้แย้งกันอยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้หากทุกคนเห็นตรงกันตั้งแต่ต้นก็คงไม่มีปัญหาและไม่ต้องมาหาวิธีการในการสมานฉันท์ ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือ อย่าเอาความขัดแย้งไปอยู่บนท้องถนน โดยให้เอาความขัดแย้งทางความคิดทั้งหลายมาหาทางออกกันตามกระบวนการของรัฐสภา
เพราะฉะนั้นในจุดเริ่มต้นที่มีความเห็นแตกต่างหลากหลายเป็นเรื่องที่ทราบกันอยู่แล้ว แต่หากสามารถใช้กระบวนการค่อยๆ คลี่คลายความขัดแย้งด้วยวิธีการที่ทุกฝ่ายยอมรับนั่นคือ การแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด ดีกว่าเราพยายามจะไม่ยอมรับว่ามีความขัดแย้งแตกต่างกัน แล้วให้แต่ละฝ่ายไปแสดงออกและมีความรุนแรงเกิดขึ้นบนท้องถนน