เมื่อเวลาประมาณ 08.45 น.วันนี้ (8 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน + 3 เรื่อง ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ ( เอช1 เอน 1) ณ โรงแรมดุสิตธานี
ระบุว่า ในนามของรัฐบาลและประชาชนไทย ขอต้อนรับท่านรัฐมนตรีสาธารณสุขจากประเทศ ASEAN+3 และผู้ร่วมประชุมทุกท่านประเทศไทย ในฐานะประธานอาเซียน รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข ASEAN + 3 เรื่อง โรคไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ ( เอช 1 เอน 2 ) ครั้งนี้ ประเทศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน กับประเทศคู่เจรจา ในเดือนหน้า ที่จังหวัดภูเก็ต ตามที่กำหนดไว้ขอขอบคุณรัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ในฐานะประธานรัฐมนตรีสาธารณสุข ASEAN ในปัจจุบัน ที่ให้การสนับสนุน และกรุณาเป็นประธานการประชุมนี้
ขอขอบคุณ องค์การอนามัยโลก USCDC, World Bank ที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีต่อการประชุม
ขอขอบคุณเลขาธิการอาเซียน และเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการอาเซียน รวมทั้งข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ประสานงานจัดการประชุม ร่วมกับประเทศไทย ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเวลาอันจำกัด ขอชื่นชมความร่วมมืออย่างแข็งขันในกลุ่ม ASEAN+3 ในระยะที่ผ่านมา ในการร่วมกันแก้ปัญหาของภูมิภาค รวมถึงการแก้ปัญหาโรคอุบัติใหม่ เช่น โรคซาร์ส และไข้หวัดนก
เราต่างตระหนักถึงความสำคัญของเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในเวทีเศรษฐกิจโลก รวมถึงศักยภาพในการเติบโต แต่ในเอเชียตะวันออก
ซึ่งอาเซียน + 3 ได้รวมตัวขึ้น ยังคงเปราะบางต่อสถานการณ์ของโลก และได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง ในหลายระดับจากวิกฤตการณ์การเงินของโลก ประชากรในภูมิภาค ASEAN+3 ซึ่งมีจำนวนรวมเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของโลก กำลังเผชิญภัยคุกคาม โดยเฉพาะจากเชื้อโรคที่สามารถแพร่กระจายและติดต่อได้ง่าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิต รวมถึงทำให้ปัญหาที่เกิดจากวิกฤตการณ์เงินโลกหนักยิ่งขึ้น
นายกฯสุนทรพจน์ เน้นร่วมมือระหว่างปท. แก้ปัญหาหวัดใหญ่
ในยุคปัจจุบันภัยทางสุขภาพที่เกิดจากโรคติดต่ออุบัติใหม่ มีลักษณะไร้พรมแดน แพร่ขยายได้รวดเร็วผ่านการเดินทางระหว่างประเทศ
มีผลกระทบสูงต่อเศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศ อยู่นอกเหนือขอบเขตความสามารถที่ประเทศหนึ่งประเทศใด จะจัดการป้องกันและแก้ไขได้ตามลำพัง หากแต่จะจัดการได้สำเร็จก็ด้วยความร่วมมืออย่างเข้มแข็งระหว่างประเทศ เป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้วว่า พื้นฐานของการรับมือกับโรคอุบัติใหม่อันไร้พรมแดน คือการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าของทุกประเทศ เพื่อสามารถตอบสนองได้ทันเวลาเมื่อเกิดการระบาดขึ้น โดยตรวจค้นพบโรค (early detection) ได้รวดเร็ว เข้าควบคุมโรค (containment) ได้ทันเวลาและมีประสิทธิภาพ หากโรคแพร่กระจายเกินที่จะยับยั้งไว้ได้ ก็ยังจะสามารถชะลอการแพร่และบรรเทาความเสียหาย (mitigation) เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม
ในระยะหลายปีที่ผ่านมา ASEAN+3 ได้ร่วมมือพัฒนาและประสานแผนความพร้อมรับมือการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ของสมาชิกประเทศ (National Pandemic preparedness plan)
และร่วมมือพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินตามแผน ได้มีการซ้อมแผนร่วมกัน (joint simulation exercises) หลายครั้ง นับว่าเป็นผลของวิสัยทัศน์ร่วมกันอันกว้างไกล และเป็นฐานที่ดีสำหรับการรับมือกับปัญหาใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความร่วมมือเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดขึ้น เช่น ซาร์ส และไข้หวัดนก ประสบความสำเร็จด้วยดี ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ ( เอช 1 เอน 1 ) ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้กำหนดการแพร่ระบาดไว้ที่ระดับ 5 สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง ขณะนี้มีผู้ป่วยเกือบ 1,900 คนทั่วโลกจาก 23 ประเทศ นับตั้งแต่การระบาดไม่กี่สัปดาห์ในเม็กซิโก แม้ว่าการดำเนินยุทธศาสตร์การป้องกันการแพร่ระบาด ได้รับผลน่าพอใจ แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้น และการแพร่กระจายที่กว้างขึ้นยังคงน่าตกใจ
ดังนั้น จึงต้องเตรียมพร้อมและรับมือกับปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอน1) เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิต ในการลดการแพร่ระบาดดังกล่าว จึงไม่สามารถพึ่งพามาตรการพื้นฐาน
เช่น การเฝ้าระวังโรค (surveillance) การแลกเปลี่ยนข้อมูล การประสานการควบคุมโรคผ่านแดน (cross-border disease control) อย่างเหมาะสม เพียงอย่างเดียวได้ แต่จำเป็นต้องมีความร่วมมือใหม่ๆ เพื่อสร้างปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการป้องกันและแก้ปัญหาโรคนี้ เช่น การพัฒนาและผลิตวัคซีน ยาต้านไวรัส และการขยายและแบ่งปันเวชภัณฑ์ในคลังสำรอง (stockpile) ของ ASEAN (ASEAN stockpile) และของประเทศ (National stockpile) เพื่อให้ประชากรทั้งมวลของ ASEAN +3 เข้าถึงเครื่องมือที่สำคัญเหล่านี้ได้อย่างทั่วถึง เพียงพอ และทันเวลา ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายอย่างสูง
ในส่วนของประเทศไทย ได้มีการดำเนินการกำกับดูแลที่สนามบิน และใช้มาตรการเฝ้าระวัง สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจากประเทศที่ได้รับการติดเชื้อ
คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท สำหรับการรณรงค์เพื่อรับมือกับไข้หวัดดังกล่าว ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด และการพิสูจน์โรคในคนไทย 2 รายที่กลับจากต่างประเทศ และนักท่องเที่ยว 1 รายที่มีอาการของไข้หวัดใหญ่ หวังว่าการป้องกันและการเฝ้าระวังที่เหมาะสม จะจำกัดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (เอช 1 เอน 1) สู่ประเทศต่างๆและภูมิภาคและโลกได้
จากพื้นฐานความร่วมมือที่เข้มแข็ง ซึ่งพิสูจน์ด้วยความสำเร็จในอดีต และด้วยความตั้งใจร่วมกันในปัจจุบัน ตนมั่นใจว่าจะร่วมมือกัน
จัดการกับปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอน1) [Influenza A (H1N1)] ได้เป็นผลสำเร็จ ขอยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ที่จะดำเนินการตามพันธะแห่งข้อตกลงร่วมกันของอาเซียน + 3 ในการแก้ปัญหาที่สำคัญของภูมิภาค และของโลกในครั้งนี้ ขอมอบความปรารถนาดี และมีความมั่นใจ ว่าการประชุมครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ สมความประสงค์ ด้วยพลังความมุ่งมั่นของทุกท่าน ภายใต้ปณิธานแห่งความร่วมมืออันเข้มแข็งของ ASEAN+3