หั่นงบฯ 2 หมื่นล้าน กองทัพกลืนเลือด...ยอมเพื่อชาติ

ต้องยอมรับว่า "วิกฤตเศรษฐกิจ" ทั้งของไทยและของโลกอยู่ในภาวะถดถอย ทำให้การใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ของรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในปีงบประมาณ 2553 จะต้องคุ้มค่าคุ้มเงินจริงๆ

และจำเป็นต้อง "ทบทวน" กรอบวงเงินงบประมาณที่จัดสรรให้กับกระทรวงต่างๆ กันใหม่ เพื่อให้สอดคล้อง "ภาวะการเงิน" ของรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าว "รัฐบาลถังแตก"

มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 21 เมษายน 2552 อนุมัติให้ปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 เหลือประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท จากเดิมรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ไว้ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ทำให้มีส่วนต่างจากงบประมาณจ่ายประจำปี 2553 ลดลงถึง 2 แสนล้านล้านบาท

เฉลี่ยมีผลกระทบกับกระทรวง ทบวง กรม ที่อาจถูกปรับลด 7-10% หรือประมาณ 20,000-50,000 ล้านบาท

"กลาโหม" กลายเป็นกระทรวงเป้าหมายหลักที่ต้องพิจารณาปรับลดวงเงินงบฯปี 2553 ใหม่ และเบื้องต้นที่ประชุมสภากลาโหม เมื่อวันที่ 30 เมษายน ได้มีมติที่จะปรับลดงบฯลง 7% โดยให้เป็นหน้าที่แต่ละเหล่าทัพจะไปจัดการหั่นงบฯ หรือชะลอโครงการของตัวเอง

แต่จากการหารือเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลเห็นว่าควรเพิ่มการตัดงบฯกลาโหมเป็น 11% เท่ากับว่าปีงบประมาณหน้า กลาโหมถูกตัดงบฯประมาณ 20,000 ล้านบาท

ผลคือ โครงการ "ยักษ์ใหญ่" ที่แต่ละเหล่าทัพเสนอไว้ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายสมัครอาจต้องถูกตีกลับมาทบทวน รวมถึงโครงการที่กองทัพเตรียมเสนอในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะด้วย

ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของกองทัพคือ หลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 กองทัพถูกตัด-ทอนงบประมาณมาตลอด จนกระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ปีงบประมาณ 2550 กองทัพเพิ่งได้รับการจัดสรรงบฯสูงสุดในรอบ 10 ปี ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 7% ของจีดีพี

ถือเป็น "ช่วงขาขึ้น" ของกองทัพ ในด้านการจัดสรรงบประมาณจากฝ่ายบริหาร หลังจากที่หวานอมขมกลืนกับการถูกจัดสรรงบฯ แบบกะปริดกะปรอยมานาน ที่สำคัญหลังการรัฐประหาร "อำนาจต่อรอง" ของกองทัพสูงมากขึ้น โดยเฉพาะสมัยรัฐบาลนายสมัครที่ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.อาศัยจังหวะ "กองทัพขาขึ้น" ชงโครงการเพื่อขออนุมัติงบฯไปโข

ไม่ว่าจะเป็น โครงการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยาง 4.6 พันล้านบาท จากยูเครน โครงการการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ เอ็มไอ 17 จากรัสเซีย รวมทั้งโครงการจัดซื้ออาวุธปืนขนาดเล็กจากอิสราเอล วงเงิน 259 ล้านบาท โดยผูกผันงบฯปี 2550-2552

ขณะที่กองทัพเรือ ได้จัดซื้อเรือฟริเกตและจัดซ่อมเรือฟริเกต 6 ลำ วงเงิน 3 พันล้านบาท การปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ของเรือรบ ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น ทดแทน C-801 พร้อมลูกอาวุธปล่อยนำวิถีให้กับเรือฟริเกตชุดเรือรบหลวงเจ้าพระยา ผูกพันงบฯ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2550-2552 วงเงิน 1,599 พันล้านบาท

เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ "มีบัญชา" ให้กลาโหม "หั่นงบฯ" ย่อมทำให้โครงการเหล่านี้อยู่ในภาวะคลอนแคลนทันที

กองทัพอากาศ ได้รับงบฯล็อตใหญ่สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ โดยได้ไป 1.9 หมื่นล้านบาท ในการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน 6 ลำ จากสวีเดน แม้ในสมัย "รัฐบาลสมัคร" พยายามจะล้มโครงการแต่ไม่เป็นผล แถม "ทัพฟ้า" ยังมีโครงการที่จะเสนอ "รัฐบาลอภิสิทธิ์" ของบฯจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน ล็อต 2 อีก 6 ลำ??

ซึ่งมาตรการคุมเข้มการใช้เงินอาจกระทบแผนพัฒนากองทัพอากาศ เพื่อมุ่งสู่ความเป็น "ผู้นำแห่งภูมิภาค" ด้วยแผนจัดระบบกองทัพอากาศให้สอดคล้องกับ "เครื่องบินกริพเพน" โดยหนึ่งในแผนที่ว่าคือ การปรับปรุงสถานีเรดาร์ วงเงิน 4 พันล้านบาท เพื่อรองรับกับระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินกริพเพน

ภายใต้ "รัฐบาลอภิสิทธิ์" กองทัพยังคง "ทรงอิทธิพล" อยู่ไม่น้อยในเรื่องงบประมาณ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์หลีกเลี่ยงขัดใจอยู่เหมือนกัน ดังจะเห็นได้จากการอนุมัติงบฯ 1 พันล้านบาท แก่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งอ้างว่าจะนำไปใช้ในโครงการ "สู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" แม้จะถูกสังคมตั้งคำถามในเรื่อง "แผนงาน-ผลการปฏิบัติ" ตรงตามวัตถุประสงค์ และคุ้มค่าหรือไม่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ รมว.กลาโหม ยังคงเห็นว่า ตัวเลขการปรับลดวงเงินงบประมาณต่างๆ อาจจะไม่เป็นไปตามที่วิตกกังวลก็ได้ โดยยืนยันว่า "ตัวเลขการตัดงบฯยังต้องหารือกันอีก ที่สำคัญคือโครงการของกองทัพยังต้องเดินหน้าตามแผน ผมจะเสนอรัฐบาลถึงความจำเป็นของแต่ละโครงการ"

การลดทอนค่าใช้จ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับประมาณการรายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ "ความจำเป็น" ของรัฐบาลกับ "ความต้องการ" ของกองทัพคงต้องวัดใจกันว่า การเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพเพื่อเป็นผู้นำด้านความมั่นคงในภูมิภาค กับการสุ่มเสี่ยง "ถังแตก" รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเลือกแบบใด..!!


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์