ทำเนียบฯ 6 พ.ค.- รองนายกรัฐมนตรี เผยทุกกระทรวง ทบวง กรม อาจถูกตัดงบประมาณ ปี 2553 เพราะรายได้รัฐน้อยลง 2 แสนล้านบาท แต่ถ้าการจัดซื้ออาวุธมีความจำเป็นก็ต้องทำ ย้ำการจัดสรรงบประมาณต้องคำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่อาจมีการตัดงบประมาณการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพลง
เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่การจัดสรรงบประมาณปี 2553 คงต้องกระทบกับทุกกระทรวง ทบวง กรม และโครงการต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะรายได้ของรัฐบาลน้อยลงประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี จะมีการพิจารณากรอบวงเงินรายจ่ายของงบประมาณปี 2553 ด้วย
“ในการใช้จ่ายเงินของภาครัฐ ยังมีความคิดที่แตกต่างกันอยู่ บางคนเห็นว่า เวลาที่เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ รัฐบาลควรจะใช้จ่ายให้มาก เพราะการใช้จ่ายภาครัฐ ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้น ใช้ออกไปมาก ก็เก็บภาษีได้มาก นักเศรษฐศาสตร์ ยิ่งทะเลาะกัน เพราะความเห็นไม่เหมือนกัน การใช้จ่ายนั้นต้องให้ได้ประโยชน์กลับมา แต่การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ถ้าเป็นความจำเป็นก็ต้องทำ” นายสุเทพ กล่าว
ต่อข้อถามว่าถ้ามีการตัดงบของกองทัพจะส่งผลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาถูกมองว่ากองทัพหนุนรัฐบาล
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กองทัพประกาศจุดยืนชัดเจนว่า เป็นกองทัพของประชาชน เป็นกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใครมาเป็นรัฐบาลสั่งการทหารในเรื่องที่ถูกต้อง ทหารยินดีปฏิบัติทำตาม ไม่ใช่ว่ามาแบล็คอัพรัฐบาล กองทัพไม่ได้มาเล่นการเมืองด้วย การเมืองเป็นเรื่องของพรรคการเมืองและนักการเมือง เมื่อพรรคการเมืองมาเป็นรัฐบาลเป็นผู้บังคับบัญชา ก็สั่งงานกองทัพได้
เมื่อถามว่า รัฐบาลพิจารณาความจำเป็นทางภาวะเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องกังวลกับจุดเกรงใจที่มีต่อกองทัพใช่หรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า ถามอย่างนี้เป็นการถามที่ทำให้เป็นปัญหาได้ ต้องเรียนว่าต้องเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก กองทัพก็มีหัวใจเหมือนเรา อย่าไปทำให้มีความรู้สึกแปลกแยก.-สำนักข่าวไทย