นายกฯ แนะแก้วิกฤต ใช้หลักพุทธศาสนา ทั้งการเมือง-เศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลก โดยแนะนำถึงการใช้หลักพุทธศาสนา เพื่ปรับใช้ในการเผชิญกับวิกฤตการเมือง และเศรษฐกิจไทย

ช่วงเช้าวันนี้ (6 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุทรพจน์ ในงานกิจกรรมนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลก

โดยมีพระธรรมโกศาจารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดการประชุม โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตหลายเรื่อง รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และการเมือง อย่างไรก็ตาม หากมีการน้อมนำหลักของพระพุทธศาสนามาปรับใช้ เชื่อว่า จะทำให้สามารถหาทางออก ในการแก้ปัญหาได้ รวมทั้งการใช้หลักของการสร้างวีรบุรุษ ซึ่งจะนำมาถึงสันติภาพในท้ายที่สุด

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความั่นคง กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า

ขอแสดงความชื่นชมกับพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ที่ออกมาร่วมงานวันฉัตรมงคล วานนี้ (5 พ.ค.) เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและแสดงถึงความรัก ความสามัคคีของคนไทย เป็นภาพพจน์ที่ดี ปรากฎออกสู่สายตาชาวโลก ทำให้ขวัญกำลังใจของคนไทยด้วยกันเอง ที่เป็นห่วงกังวลต่อสภาพบ้านเมือง รู้สึกมั่นคงขึ้น และทำให้ขวัญกำลังใจของคนที่จะมาท่องเที่ยว และติดต่อค้าขายกับประเทศไทยดีขึ้น ซึ่งจะใช้พลังนี้ สร้างความรัก ความสามัคคี ความดีงาม ให้ต่อเนื่องกันไปโดยตลอด รวมทั้งต่อเนื่องจากงานรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง ก็ต้องแพร่ขยายความคิดนี้ต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ ตนจะพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมผวจ.ทั่วประเทศว่า เราต้องสร้างสังคมที่สงบสุข กิจกรรมของจังหวัด และกลุ่มจังหวัด ที่จะใช้งบบูรณาการต้องเผื่อไว้จัดกิจกรรมที่จะสร้างความสงบในชุมชน หรือหมู่บ้าน และจังหวัด ให้เป็นจังหวัดที่ปลอดจาก ความรุนแรง ปลูกฝังกันทั้งประเทศให้แก้ปัญหาโดยสันติวิธี ไม่ใช่วิธีความรุนแรง

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า

นอกจากนี้ ตนจะเสนอต่อที่ประชุม ครม. เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการจัดงานวันแม่และวันพ่อแห่งชาติ ที่จะถึงในเดือน ส.ค.และ ธ.ค.ที่จะถึงนี้ เป็นการล่วงหน้า เพราะการจัดงานวันฉัตรมงคลที่ผ่านมา มีเวลาเตรียมตัวน้อย แต่ก็ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน องค์กรต่างๆ และทุกกระทรวง ทบวง กรมเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ เมื่อถามว่า หากรัฐบาลไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ ก็เหมือนเอาขยะไปซุกไว้ใต้พรมนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า

คงไม่ใช่ขยะใต้พรม เรื่องที่พยายามจะทำพร้อมกันทั้งประเทศ ถ้าคน 65 ล้านคนเห็นพ้องการแก้ปัญหาในทิศทางเดียวกัน เรื่องร้ายหรือรุนแรง ก็จะไม่มีโอกาสบังเกิดขึ้น เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เราต้องยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยกันจริงๆ นอกจากเคารพความคิดตนเองแล้ว ต้องเคารพความคิดคนอื่นด้วย สามารถแลกเปลี่ยนโต้แย้งความคิดกันได้ โดยไม่ต้องโกรธกัน เป็นศัตรูกัน ไม่ต้องทำร้ายกัน และไม่ต้องทำร้ายประเทศไทยด้วยเหตุนั้น ซึ่งทุกภาคส่วนต้องช่วยกันทำ สิ่งเหล่านี้คงไม่มีทางลัด ต้องอดทน และทำกันต่อไป