พรรคประชาธิปัตย์ 5 พ.ค. – “เทพไท เสนพงศ์” โต้เสื้อแดง รัฐไม่ได้จัดฉากสร้างละครลวงโลกเหตุชุมนุม พร้อมรับเพื่อไทยยื่นฟ้องหลายองค์กร ยันพรรคยังไม่ได้หารือเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ยังไม่ชัดหนุนแก้ 237 หรือไม่
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมที่วัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้
เพื่อตามล่าหาความจริง และกล่าวหาว่ารัฐบาลสร้างละครลวงโลก และนายกรัฐมนตรีจัดฉากจากเหตุการณ์ชุมนุม 13 เมษายนที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า มีข้อมูลชัดเจนว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อยู่ในรถกันกระสุนคันที่กระทรวงมหาดไทยจริง รวมทั้งการที่ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถูกทำร้ายร่างกายนั้น เป็นการทำร้ายจากคนเสื้อแดงจริง รัฐบาลไม่จำเป็นต้องสร้างละคร หรือสร้างสถานการณ์ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องจริง เชื่อว่าสังคมสามารถวินิจฉัยได้ว่าทั้งหมดเป็นการสร้างเรื่องของคนเสื้อแดง
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะฟ้องร้องนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการผลักดันการชุมนุมด้วยวิธีรุนแรง นายเทพไท กล่าวว่า รัฐบาลยินดีที่จะให้ใช้ช่องทางใดก็ได้พิสูจน์ความจริงที่เกิดขึ้น
แต่ตั้งข้อสังเกตว่ากรณีพรรคเพื่อไทยจะยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรรมการสิทธิมนุษยนชน และองค์การสหประชาชาตินั้น แทนที่ควรให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ที่มี นายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏ ที่น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด
นายเทพไท กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อึดอัดใจต่อท่าทีและความเห็นของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย
เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่า ไม่มีเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน แต่หากจะมี คงเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ และอาจเป็นเสียงบ่นของ ส.ส.คนใดคนหนึ่งในพรรคเท่านั้น เพราะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการในที่ประชุมพรรค อย่างไรก็ตาม พรรคจะรับฟังความเห็นของ ส.ส.ก่อนเข้าหารือในที่ประชุมในโอกาสต่อไป
สำหรับแนวคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรค และมีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการสนับสนุนเพื่อหนีคดียุบพรรค นายเทพไท กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน เท่าที่ได้พูดคุยกับ ส.ส.หลายคนในพรรค
เห็นตรงกันว่าการทำผิดของกรรมการพรรคน่าจะมีโทษสูงกว่าสมาชิกพรรคธรรมดา ซึ่งถ้าสมาชิกทำผิด กรรมการบริหารพรรคควรต้องได้รับโทษ แต่ไม่ควรถึงขั้นยุบพรรค และการแก้มาตราดังกล่าว ก็ต้องมีมาตรอื่น ๆ ที่มาควบคุม เพื่อไม่ให้มีการซื้อเสียงเพื่อให้การเมืองไทยก้าวพ้นจากวงจรอุบาทว์ด้วย.- สำนักข่าวไทย