คมชัดลึก :ท่านผู้หญิงวิระยากางบัญชีธนาคารโต้ข้อหาโกงเงินโครงการทำเสื้อสีฟ้า ยันเงินรายได้ 480 ล้านยังอยู่ในบัญชี รอเข้าเฝ้าฯถวายตามความตั้งใจ พร้อมย้ำไม่เกี่ยวยิงแกนนำพันธมิตรคนสำคัญ ทิ้งปริศนาคนระดับไหนถึงสั่งฆ่า "สนธิ" ได้
ตามที่เว็บไซต์ผู้จัดการได้รายงานข่าว โดยอ้างหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ หน้า 3 ฉบับวันที่ 3 พฤษภาคม
ซึ่งอ้างถึงคำชี้แจงจากท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ระบุว่า ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ไม่เคยเป็นนางสนองพระโอษฐ์ (Lady-in-waiting) ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แต่อย่างใด
“กิจกรรมและธุรกิจทุกประการที่ท่านผู้หญิงวิระยาดำเนินการนั้นเป็นกิจกรรมส่วนตัวของท่านผู้หญิงวิระยา ซึ่งไม่มีความเกี่ยวพันกับสำนักพระราชวังใดๆ ทั้งสิ้น” และตำแหน่งนางสนองพระโอษฐ์นั้นต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ ท่านผู้หญิงวิระยายังไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสำนักพระราชวังอีกด้วย
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 พฤษภาคม ท่านผู้หญิงวิระยาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว "เครือเนชั่น"
โดยยืนยันว่า โครงการเสื้อสีฟ้าที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 2547 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษานั้น เป็นการทำในนามมูลนิธินพรัช-รัตนโกสินทร์ และใช้เงินส่วนตัวในการลงทุนจัดทำ
"พี่ทำโครงการนี้เพื่อถวายเป็นส่วนพระองค์ และลงทุนเอง จุดประสงค์ก็เพื่อให้คนไทยได้ใส่เสื้อสีฟ้ากันทั้งประเทศ แต่เมื่อทำไปแล้วเกิดอุปสรรค ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์ฯ ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศว่ามีการบังคับซื้อ อ้างว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสียพระทัยมาก ทั้งที่ไม่เป็นความจริง แต่พี่ก็ไม่ยอมแพ้ ได้ทำหนังสือชี้แจงไปทั่วประเทศเหมือนกัน และขายเสื้อต่อจนหมด แม้จะไม่ได้เงินจากหลายๆ หน่วยงานที่รับเสื้อไปขายก็ตาม" ท่านผู้หญิงวิระยากล่าว
ท่านผู้หญิงวิระยากล่าวต่อว่า เงินที่ได้จากการขายเสื้อรวมแล้ว 480 ล้านบาท จนถึงขณะนี้ก็ยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน
โดยได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ไว้ที่ธนาคารออมสิน จากนั้นย้ายมาเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เนื่องจากดอกเบี้ยสูงกว่า ชื่อบัญชีก็เปิดในนามมูลนิธิ ใช้ชื่อ 3 คน เวลาเบิกจ่ายต้องใช้ลายเซ็น 2 คนจึงจะเบิกได้ ฉะนั้นเงินยังอยู่ครบ เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ จึงยังไม่ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย พร้อมกันนี้ ท่านผู้หญิงวิระยายังได้นำสมุดบัญชีธนาคารออมสิน และธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งระบุยอดเงินดังกล่าวมาเปิดเผยด้วย และยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบสังหารนายสนธิ เท่าที่ดูการลอบสังหารนายสนธิกระทำกันอย่างเป็นระบบ และน่าจะเป็นขบวนการใหญ่มาก เธอเองคงไม่สามารถทำได้ และนายสนธิเป็นสื่อมวลชน ทั้งยังเป็นคนสำคัญในประเทศนี้ อยากให้สังคมช่วยกันคิดว่าคนระดับไหนที่จะมีอิทธิพลถึงขั้นสั่งสังหารนายสนธิได้